ReadyPlanet.com
dot dot
dot
นาซี 778 [Nashi 778]
dot
bulletรู้จักนาซี 778
bulletคุณสมบัติ
bulletประสิทธิภาพ
bulletวิธีใช้นาซี 778
bulletข้อควรระวัง
bulletทฤษฏี กลไก และ บทบาท
bulletขนาดและราคา
dot
นาโน 863 [Nano 863]
dot
bulletรู้จักนาโน 863
bulletประสิทธิภาพ
bulletการใช้นาโน 863 ในวงการเพาะปลูก
bulletการใช้นาโน 863 ในวงการปศุสัตว์
bulletการใช้นาโน 863 ในวงการประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
bulletการใช้นาโน 863 ในวงการเห็ด
bulletขนาดและราคา
dot
นาโนบอล [Nano Ball]
dot
bulletรู้จักนาโนบอล
bulletวิธีใช้นาโนบอล
bulletราคา
dot
นาโนสทีค [Nano Stick]
dot
bulletรู้จักนาโนสทีค
bulletราคา
dot
Download Brochures
dot
bulletโปรชัวร์นาซี 778 และนาโน 863
dot
Photo Albums
dot
bulletอัลบั้มรูปผลผลิตต่างๆที่ได้จากนาซี 778
dot
รายงานผลการใช้ผลิตภัณฑ์
dot
bulletสารสมุนไพรนาซี 778
dot
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์
dot
bulletหมวดหมู่สินค้า
dot
ตะกร้าสินค้า
dot
จำนวน : 0 ชิ้น
ราคา : 0.00บาท
bullet ดูสินค้า
bullet ชำระเงิน
bulletยืนยันการโอนเงิน
bulletตรวจสอบสถานะสั่งซื้อสินค้า
dot
สมัครรับข่าวสาร

dot


Go to Nanosoeasy.com
Nano 863 Video Clip #1
Nano 863 Video Clip #10
Nano 863 Video Clip #9
Nano 863 Video Clip #8
Nano 863 Video Clip #7
Nano 863 Video Clip #6
Nano 863 Video Clip #5
Nano863 Video Clip #3
Nano 863 Video Clip #2


ทฤษฏี กลไก และ บทบาท

 

ดร.น่า จง หยวน

ดร. น่า จง หยวน

พื้นฐานทฤษฏีของ GPIT และหลักการเพิ่มผลผลิตนั้นแสดงให้เห็นได้ชัดเจนจากลักษณะของต้นพืชที่แตกต่างเหนือกว่าปกติธรรมดาทั่วๆไป “ผลสำเร็จจากการวิจัยชิ้นนี้จะก่อเกิดให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในวงการเพาะปลูกเป็นแม่นมั่น” นี่คือคำกล่าวประเมินผลงาน GPIT ในระดับสูงของท่าน สือซาน ที่ปรึกษาของศูนย์วิจัยการเกษตรชนบทได้กล่าวเอาไว้ GPIT ทำให้การเพาะปลูกตามแบบอย่างเก่าๆดั้งเดิมนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงถึง 9 ประการดังนี้

 

 

 

 


 

  1. ผลผลิตเพิ่มขึ้นทวีคูณจากการใช้ปุ๋ยลดลง ด้วยการเพิ่มศักยภาพการใช้ปุ๋ยของต้นพืช

 เริ่มตั้งแต่ได้มีการนำเอาเคมีภัณฑ์ (ปุ๋ย ยา) เข้ามาใช้ในการเพาะปลูกเป็นต้นมา บรรดาเหล่าเกษตรกรและนักวิชาการทั้งหลายต่างมีมุมมองที่ว่า แม้จะมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากมายปานใดก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตให้ได้เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี แต่ทว่า ผลิตภัณฑ์ “นาซี 778” ซึ่งเป็นสารนำพันธุกรรมจากเทคโนโลยี  GPIT  นั้นสามารถลบล้างความเชื่อเก่าๆดังนี้ได้อย่างราบคาบ จากการไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเลย หรือใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลง และใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็สามารถพิ่มผลผลิตให้ได้ในปริมาณหาศาลยิ่งกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีเสียอีก โดยในเขตพื้นที่ที่ให้ผลผลิตสูงอยู่แล้ว สามารถเพิ่มผลผลิตได้ตั้งแต่ 10 % ขึ้นไป ในพื้นที่ที่ให้ผลผลิตปานกลาง สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 30 % ขึ้นไป และในพื้นที่ที่ให้ผลผลิตต่ำนั้น สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 1 – 10 เท่าตัวเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น คุณภาพของผลผลิตนั้นก็ดีขึ้นจากเดิมอย่างผิดหูผิดตา นับเป็นการแก้ปัญหาที่สวนทางกันระหว่างผลผลิตที่เพิ่มขึ้นแต่คุณภาพกลับลดลงได้อย่างน่าพอใจเป็นที่สุด  ดังเช่นกรณีของหญ้าหวาน (甘草 / licorice) ที่ใช้สาร นาซี 778 ในการเพาะปลูก สามารถปรับระดับของสาร Glycyrrhizin acid เพิ่มถึง 5.485 % เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวของระดับปกติที่มีอยู่เพียง 2 % เท่านั้นเอง

หลักการที่เป็นไป :

การเพิ่มขึ้นของปริมาณพืชพรรณธัญหารนั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ คาร์โบไฮเดรท ซึ่งถูกควบคุมกำหนดโดยพลังงานจากแสงอาทิตย์และประสิทธิภาพของปุ๋ยที่เป็นแหล่งอาหารของพืชร่วมกัน ในกระบวนการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรทขึ้นนั้น สัดส่วนของ พลังงานจากแสงแดด และปุ๋ยนั้น เป็นอัตราส่วน แสงอาทิตย์ 96 % ปุ๋ย (N, P, K) 3.6 % (และจุลธาตุอีก 0.4 %)

ในทัศนะมุมมองแบบเก่า เขียนเป็นรูปของสมการได้ดังนี้
ปุ๋ย + น้ำ = ผลผลิต

แต่ทัศนะมุมมองของเทคโนโลยี GPIT
แสง + ความต้านทาน (Anti stress) + ประสิทธิภาพของน้ำและปุ๋ย = ผลผลิต + คุณภาพ

ขบวนการ GPIT นั้นช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแสงเพิ่มขึ้นในส่วน 96 % จะอยู่ในรูปของความต้านทาน (Anti oxidation) ย่อมทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ

ปัจจัยที่เราจัดสรรเพิ่มเติมให้กับพืชที่ปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตนั้นคือ ธาตุอาหารหลัก (N, P, K) และจุลธาตุ ในสัดส่วน 4 % ดังกล่าว แม้จะเพิ่มเสริมเติมใส่ให้มากขึ้นอีกเท่าไรก็ย่อมไม่สามารถทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป (กลายเป็นความสูญเสียเปล่าประโยชน์ เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนมากยิ่งขึ้น) ถ้าการใช้ประโยชน์จากแสงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่จากเทคนิคของ GPIT ที่ใช้กับการเพาะปลูกนั้น ศักยภาพของต้นพืชได้ถูกกระตุ้นชักนำให้เกิดความพร้อมในการใช้ปัจจัยที่มีอยู่อย่างพร้อมมูลครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นผลผลิตที่เพิ่มพูนมากขึ้นพร้อมๆกับคุณภาพที่ดีที่สุด ย่อมเป็นไปตามหลักการที่สมเหตุสมผลทุกประการ

 

ต้นทิวลิปและต้นดอกดาวเรืองที่ใช้นาซี 778 ทำให้ออกดอกคู่

ต้นทิวลิปและต้นดอกดาวเรืองที่ใช้ นาซี 778 ทำให้ออกดอกคู่เป็นส่วนใหญ่
ผลเช่นนี้สามารถเกิดได้ในต้นกุหลาบพันปีของนาโนเฮาส์เช่นกัน
ออกดอกไม่เคยหยุด และเกือบทุกดอกเป็นดอกคู่ทั้งนั้น

  1.  พลิกฟื้นพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกไม่ได้ (มีสภาพความเป็นกรด – ด่าง) ให้ทำการเพาะปลูกเก็บเกี่ยวผลผลิตขึ้นมาได้

 ทั่วทุกหนแห่งบนพื้นโลก ต่างก็มีพื้นที่ที่เป็นดินเค็ม (ริมน้ำ ลำธาร ริมทะเล) และพื้นที่เสื่อมเสียที่เกิดขึ้นภายหลัง (จากการใช้ปุ๋ย ยาเคมีติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน)

จากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่าง Carbonic acid hydrogen ammonia กับแม๊กเนเซี่ยม, โซเดียม, และแคลเซี่ยมในดิน รวมตัวกันเป็นเกลือไปอุดตันช่องว่างในดิน ทำให้ดินแข็งตัวเป็นดินดาน โปตัสเซี่ยมซัลเฟท รวมตัวกับประจุลบของ แคลเซี่ยมและแม๊กเนเซียมรวมตัวกันทำให้ดินมีสภาพเป็นด่าง ดินที่มีเกลือ 0.6 % และด่าง 8.8 % แม้แต่หญ้าก็งอกเจริญเติบโตไม่ได้

จากการทดสอบใช้สาร GPIT กับข้าวโพดที่ปลูกในพื้นที่ดินเค็ม ณ.เมือง ปินเจา มณฑล เหอไป่ ได้สร้างปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อขึ้น โดยข้าวโพดมีอัตรารอดสูงถึง 80 % ให้ผลผลิต 400 กิโลกรัม / โหม่ว (166 กก / ไร่) ส่วนที่ปลูกเปรียบเทียบนั้นงอกเพียง 20 % แต่หลังจากงอกได้สูงประมาณ 10 นิ้ว ก็เหี่ยวเฉาตายเสียสิ้น

การผลัดเปลี่ยนทดแทน ที่เกิดจากกลไกการทำงานของ นาซี 778 นั้นมีระดับของเมทตาโบลิซึ่มเข้มข้นสูง ทำให้พืชพรรณที่งอกอยู่ในพื้นที่ที่เป็นกรดและด่างนั้นสามารถดูดซับเอาประจุลบของแคลเซี่ยม, แม๊กเนเซี่ยม และไนโตรเจน จนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ย กระทั่งต้นพืชปรับตัวทนอยู่ในสภาพของผืนดินที่เป็นกรด-ด่างได้เติบใหญ่จนให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ผลการศึกษาในระนาบนี้ เป็นสิ่งที่ก่อเกิดประโยชน์มากมายเหลือคณา

 

  1.  ขจัดข้อจำกัดการให้ผลผลิตสูงในพื้นที่สูงที่มีอากาศหนาวเย็นบนเขาสูง

 ถึงแม้ทางกรรมการพรรคฯ สภาประชาชนจะให้การพัฒนาพื้นที่ทางเหนือของประเทศ (จีน) จนกระทั่งประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าก่อนเก่าในหลายๆด้าน แต่เนื่องจากดินแดนแถบนี้ตกอยู่ภายใต้อากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ผลผลิตทางการเกษตรจึงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ในปีหนึ่งๆสามารถทำการเพาะปลูกได้แค่ 3 – 4 เดือนเท่านั้น อาหารการกินก็ยังคงแร้นแค้นอยู่ดี

ด้วยคุณสมบัติพิเศษอันโดดเด่น 4 ประการของ “สารชักนำพันธุกรรม” สามารถทำให้ผลผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ 35 - 40 กก. ต่อโหม่ว (80-100 กก. / ไร่) เพิ่มขึ้นถึง 400 – 500 กก.ต่อโหม่ว (950 – 1,200 กก. / ไร่) จึงเป็นที่ยินดีปรีดาของเกษตรกรในภูมิภาคนั้นเป็นอย่างยิ่ง

 

  1.  การปลูกพืชจะไม่ถูกจำกัดด้วยฤดูกาลอีกต่อไป ทำให้พืชผลสุกแก่เก็บเกี่ยวก่อนกำหนดได้

 พืชที่ได้รับสาร นาซี 778 แล้วปรากว่า  ผลจะสุกแก่เร็วขึ้น  ทนต่ออากาศหนาวเย็น ทนต่ออากาศร้อน มีความต้านทานต่อความแห้งแล้ง สามารถลดการใช้แผ่นฟิล์มพลาสติกคลุมดิน พลาสติกปิดโรงเรือนลงได้ เป็นการลดขยะพลาสติกก่อมลภาวะที่มีผลกระทบต่อมนุษย์ได้มากหลาย เป็นการประหยัดทรัพยากรณ์และลดต้นทุนอีกต่างหาก 

ดูกันให้ชัดๆอีกครั้ง

ต้นดอกดาวเรืองที่ได้รับสารสมุนไพร นาซี 778 ออกดอกคู่

 
  1.  แก้ปัญหาความแตกต่างของขนาด (อายุ) ของไม้ผล

ไม้ผลที่มีความแตกต่างกันทางด้านอายุนั้น ย่อมมีความแตกต่างกันในด้านการเจริญเติบโต และขนาด ทำให้ไม่มีความสม่ำเสมอของต้นไม้ผล (ต้นเล็ก - ต้นใหญ่) แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์บางตัวสามารถคลี่คลายปัญหาเปลาะนี้ได้ แต่ก็เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูง ทว่า นาซี 778 นั้น ทำให้ศักยภาพทางด้านการใช้แสงแดด และมีอัตราเร่งของขบวนการแสงสังเคราะห์เร็วขึ้น ทำให้ปัญหาข้อนี้หมดไปอย่างง่ายดาย ต้นไม้ใหญ่โตได้ขนาดไล่เรียกันทั้งสวน

 

  1. ขจัดข้อจำกัดทางด้านความต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต – ให้ผลผลิต 

พืชปกติทั่วไปต้องการอุณหภูมิในช่วง 18 ℃ - 23 ℃ ในการเจริญเติบโต แต่ก็มีพืชบางชนิดที่เติบโตได้ในช่วงของอุณหภูมิ 13 ℃ - 33 ℃ สาร นาซี 778 กลับทำให้พืชสามารถปรับตัวให้ยืดหยุ่นในช่วงของอุณหภูมิกว้างขึ้น โดยสามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ที่อุณหภูมิระหว่าง 0 ℃ ถึง 50 ℃

ในแถบภูมิภาคทางเหนือ (ของประเทศจีน) พืชเมืองร้อนที่ต้องการอากาศอบอุ่นอย่าง แตงกวา แตงร้าน มะเขือ ฟักทอง มะเขือเทศ ต้นกล้าเหล่านี้แม้จะกระทบกับอากาศหนาวเย็น -3 ℃ ก็ไม่เกิดความเสียหายใดๆ แต่ส่วนที่เป็นตัวเปรียบเทียบนั้นเยือกแข็งตายลงทั้งหมด 

 พืชผักในโรงเรือนพลาสติก เมื่อย่างเข้าหน้าหนาวก็ต้องปิดม่านป้องกันถูกอากาศหนาวเย็นจนทำให้แข็งตายไป แต่ถ้าได้รับสารชักนำพันธุกรรม นาซี 778 แล้ว ยังคงสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ โดยปกติแล้วพืชตะกูลแตง เมื่อประสบกับอุณหภูมิต่ำกว่า 8 ℃ ก็จะชงัก หยุดการเจริญเติบโต มะเขือเทศก็เช่นกันที่อุณหภูมิ 4 ℃ ก็หยุดเจริญเติบโตเช่นกัน จากการทดลองที่เมือง เซ่ากวง (เมืองที่มีการปลูกพืชผักมากแห่งหนึ่งของประเทศจีน) ปรากฏว่าที่อุณหภูมิ -4 ℃ ก็ยังคงเติบโตให้ผลได้ดังปกติ สาเหตุที่เป็นดังนี้เพราะ เมื่อพืชได้รับสาร นาซี 778 แล้ว ต้นพืชมีความสามารถในการเปิดปิดปากใบได้โดยอัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิสูงกว่า 33 ℃ หรือต่ำกว่า 13 ℃ แล้ว ปากใบก็จะทำการหุบปิดตัวเองลง เมื่อไรที่อุณหภูมิต่ำกว่า 33 ℃ หรือสูงกว่า 13 ℃ แล้ว ปากใบก็จะทำการขยายออกทำการแลกเปลี่ยนก๊าสดำเนินกิจกรรมทางชีวภาพต่อไป นี่คือความมหัศจรรย์ของสาร นาซี 778 ที่น่าทึ่ง เมื่อมีหนทางที่เป็นประโยชน์ดังนี้ ทำให้มณฑล ซินเจียง ไฮหลงเจียง ที่ทำการปลูกธัญพืชได้ปีละครั้งนั้น สามารถเก็บเกี่ยผลผลิตจากข้าวสาลีที่ปลูกได้ถึง 2 หน เมื่อมีวิธีการที่มีคุณประโยชน์ที่ว่านี้ ทำให้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตใบชาในฤดูหนาวบนที่ราบสูงของมณฑลยูนนานเกิดขึ้นได้ (ฤดูหนาวต้นชาจะไม่แตกยอดผลิใบ) จึงโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรที่จะได้มีโอกาสพบกับความมั่งคั่งมั่นคงยิ่งขึ้น และจะมีปรากฏการณ์ที่น่ามหัสจรรย์ใจเพิ่มขึ้นอีกมากมาย


  1.  ปรากฏการณ์ต้นพืชมีความทนทานต่อความแห้งแล้งและน้ำท่วมขัง

ความทนทานดังกล่าวเกิดขึ้นได้เนื่องด้วยพืชที่ได้รับสาร GPIT แล้วนั้น ต้นพืชมีขีดความสามารถในการดึงแสงแดดมาทำงานได้ในอัตราเร่งที่เร็วขึ้น ใช้น้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ระบบรากพัฒนาได้ลึกและไกลในทุกระนาบมิติ รวมทั้งลักษณะพิเศษการทำงานของปากใบที่เป็นไปอย่างอัตมัติร่วมด้วย

สาเหตุที่พืชทนความแห้งแล้งได้ดีกว่า

  1. ระบบรากลึก ทอดยาวไกล มีความต้านทานต่อแรงกดดัน (ความเครียด) มีการสะสมสารอาหารอย่างเพียงพอ ดูดซับความชื้นในระดับลึกกว่าปกติได้ (รากกินลึกกว่ากัน)
  2. ข้าวโพดในยามเที่ยงกลางวันที่แดดจัด ปากใบทำการปิดตัว ทำให้สูญเสียน้ำน้อยลง ใบจึงไม่เหี่ยวไม่ม้วนห่อ
  3. จากความเข้มข้นของกระบวนการ เมทตาโบลิซึ่ม ที่เพิ่มขึ้น ทำให้การดูดซับน้ำ-อาหารในดินที่อยู่ในชั้นดินลึกลงไป พร้อมทั้งลำเลียงส่งไปยังตัวใบด้วยความรวดเร็ว

สาเหตุที่พืชทนน้ำท่วมขังได้ดีกว่า


เมื่อพืชที่ปลูกประสบกับน้ำท่วมจากภัยธรรมชาติ น้ำที่ท่วมขังทำการเบียดไล่อากาศออกซิเจนในดินออกไปสิ้น เมื่อรากขาดอากาศ ทำให้เกิดอีทานอลเป็นพิษขึ้นในกระบวนการเมทตาโบลิซึ่ม ทำให้ต้นพืชเกิดการเสื่อมถอย ความสามารถในการสร้างอาหารหล่อเลี้ยงลำต้นลดลง ทำให้ต้นพืชล้มตายลงทั้งต้นในที่สุด

  1. ประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยสูงขึ้น ทำให้สามารถยืดเวลาการลำเลียงปุ๋ยออกไปได้ ลดผลกระทบของพิษที่เกิดขึ้นได้
  2. ระบบรากกินลึก จึงสามารถดูซับอากาศ (ออกซิเจน) ในชั้นดินลึกๆได้
  3. ขอเพียงน้ำอย่าได้ท่วมจนมิดยอด พืชก็ยังคงสามารถยืนต้นอยู่ได้โดยไม่ตาย ทั้งนี้เนื่องจากอัตราเร็วของแสงสังเคราะห์ และความเข้มข้นของกระบวนการเมทตาโบลิซึ่มที่ดำเนินไป (แต่ก็มีขีดจำกัด) ดังตัวอย่างสวนท้อที่ปลูกได้ 4 ปีแห่งหนึ่งที่เมือง ส่านซี เกิดน้ำท่วมขังร่วมสัปดาห์ เกิดความเสียหายต้นท้อตายน้อยมาก เสียหายแค่ 10 % เท่านั้น ส่วนที่ไม่ได้ใช้นั้น เน่าตายราบเรียบ (สอดคล้องกับหลายๆเหตุการณ์ในบ้านเราที่ต้นมะละกอ และมะลงชิดแช่น้ำที่ท่วมขังอยู่ร่วม 10 ก็ยังไม่ตาย)

  1.  เกิดภูมิต้านทานต่อโรคและแมลงโดยธรรมชาติ

ถ้าได้ใช้ นาซี 778 กับพืชที่ปลูก โดยพื้นฐานแล้วในฤดูกาลเพาะปลูกปีปกติ (ไม่มีการระบาดของโรค-แมลง) ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเคมีแต่อย่างใด (ถึงจะใช้ก็น้อยมาก) หรือในปีที่มีปัญหาการระบาดของโรค-แมลงก็ทำให้ใช้ยาเคมีเหล่านี้ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากพืชมีความแข็งแรง มีความสมดุลทางชีวภาพจนกระทั่งสามารถต้านทานโรค-แมลงได้ด้วยตัวเอง นาซี 778 ไม่เพียงแต่ป้องกันกำจัดโรคเท่านั้น แต่ยังป้องกันกำจัดแมลง ขับไล่แมลง และฆ่าทำลายแมลงได้อย่างดียิ่งอีกด้วย

เบื้องแรกที่จะบอกกล่าวว่าโรคที่เกิดขึ้นกับราก ลำต้นและใบพืชนั้น แบ่งออกได้ 3 ประเภท นั่นก็คือ

เชื้อรา ซึ่งปรากฏมีสัดส่วนสูงถึง 85 % และเป็นเชื้อแบคทีเรีย 10 % อีก 5 % นั้นเป็นพวกไวรัสและเชื้ออื่นๆ

ในขณะเดียวกันยังสร้างปรากฏการณ์ “แนวทางควบคุมแมลงโดยไม่ต้องใช้สารพิษ” สารชักนำพันธุกรรม นาซี 778 ใช้วิธีการการ ทำให้เปียกตัวจนขาดน้ำตาย ยกเว้นแมลงปีกแข็งแล้ว หนอนทุกชนิดก็สามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย ถ้าดำเนินวิธีการใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเคมีแต่อย่างใด

การใช้ยาในการควบคุมกำจัดแมลง เป็นการใช้สารพิษออกฤทธิ์ทำลายล้าง แต่สาร นาซี 778 นั้นใช้หลักการทาง กายภาคร่วมกับชีวภาพควบคู่กัน ในการกำจัดทำลาย หนอนแมลงที่เกาะกินพืชพรรณนั้นมักจะเป็นตัวอ่อนที่ระบบหายใจยังไม่สมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะใช้ช่องอากาศตามลำตัวช่วยในการหายใจ เนื่องด้วยผลกระทบทาง Physiological metabolism ที่เกิดขึ้นจากกลไกการทำงานของ นาซี 778 ดำเนินไปอย่างฉับพลันทันทีทันใด ทำให้กระบวนการทางกายภาพของตัวหนอนตัวแมลงหยุดชะงัก ทำให้ขาดน้ำในเวลาอันสั้น และตายไปในที่สุด โดยเฉพาะไส้เดือนฝอยที่ปมราก รวมทั้งหอยทากที่ยังไม่มียากำจัดที่มีประสิทธิภาพทำลายได้ก็ยังให้ผลการทำลายที่เด่นชัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรผสมน้ำสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นกลางสักเล็กน้อย ทำการฉีดพ่นให้ถูกตัวอย่างทั่วถึง จึงจะสัมฤทธิ์ผลบริบูรณ์


  1. เพิ่มเสถียรภาพ ลดความแปรปรวนของลักษณะทางพันธุกรรมของพันธุ์พืชลูกผสม

เมล็ดพันธุ์ลูกผสมนั้นไม่มีเสถียรภาพทางพันธุกรรม (ลักษณะยังไม่นิ่งเหมือนสายพันธุ์เปิด) ลักษณะที่ดีจะค่อยๆเสื่อมลงเรื่อยๆ (เพราะเกิดการแปรปรวนในกระบวนการถ่ายทอดพันธุกรรม)ในปีต่อๆไปถ้าหากมีการนำเมล็ดพัธุ์มาขยายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง (นั่นก็คือซื้อครั้งเดียว ปลูกได้ครั้งเดียว) แต่จากการทดสอบใช้ นาซี 778 กับข้าวลูกผสมถึง 6 รุ่น ปรากฏว่าเกิดความแปรปรวนขึ้นน้อยมากในรุ่นถัดถัดกันไป บางลักษณะที่ดีกลับเด่นชัดมากกว่าเดิมเสียอีก แต่ท่านศาสตราจารย์ น่า จงหยวน ไม่ต้องการหยิบยกข้อดีข้อนี้มาป่าวร้อง เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลกระทบถึงผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม แต่สหาย สือซาน กลับเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประเทศชาติ ควรที่จะได้ประชาสัมพันธ์ประกาศให้ได้รับรู้กันทั่วไป อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อการพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆได้จำนวนมากในอนาคตข้างหน้า







Copyright © 2010 All Rights Reserved.
Welcome to Eco-agrotech.com Photo Albums
Google