- ผลผลิตเพิ่มขึ้นทวีคูณจากการใช้ปุ๋ยลดลง ด้วยการเพิ่มศักยภาพการใช้ปุ๋ยของต้นพืช
เริ่มตั้งแต่ได้มีการนำเอาเคมีภัณฑ์ (ปุ๋ย ยา) เข้ามาใช้ในการเพาะปลูกเป็นต้นมา บรรดาเหล่าเกษตรกรและนักวิชาการทั้งหลายต่างมีมุมมองที่ว่า แม้จะมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากมายปานใดก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตให้ได้เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี แต่ทว่า ผลิตภัณฑ์ “นาซี 778” ซึ่งเป็นสารนำพันธุกรรมจากเทคโนโลยี GPIT นั้นสามารถลบล้างความเชื่อเก่าๆดังนี้ได้อย่างราบคาบ จากการไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเลย หรือใช้ปุ๋ยเคมีน้อยลง และใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็สามารถพิ่มผลผลิตให้ได้ในปริมาณหาศาลยิ่งกว่าการใช้ปุ๋ยเคมีเสียอีก โดยในเขตพื้นที่ที่ให้ผลผลิตสูงอยู่แล้ว สามารถเพิ่มผลผลิตได้ตั้งแต่ 10 % ขึ้นไป ในพื้นที่ที่ให้ผลผลิตปานกลาง สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 30 % ขึ้นไป และในพื้นที่ที่ให้ผลผลิตต่ำนั้น สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 1 – 10 เท่าตัวเลยทีเดียว ไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่านั้น คุณภาพของผลผลิตนั้นก็ดีขึ้นจากเดิมอย่างผิดหูผิดตา นับเป็นการแก้ปัญหาที่สวนทางกันระหว่างผลผลิตที่เพิ่มขึ้นแต่คุณภาพกลับลดลงได้อย่างน่าพอใจเป็นที่สุด ดังเช่นกรณีของหญ้าหวาน (甘草 / licorice) ที่ใช้สาร นาซี 778 ในการเพาะปลูก สามารถปรับระดับของสาร Glycyrrhizin acid เพิ่มถึง 5.485 % เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวของระดับปกติที่มีอยู่เพียง 2 % เท่านั้นเอง
หลักการที่เป็นไป :
การเพิ่มขึ้นของปริมาณพืชพรรณธัญหารนั้นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ คาร์โบไฮเดรท ซึ่งถูกควบคุมกำหนดโดยพลังงานจากแสงอาทิตย์และประสิทธิภาพของปุ๋ยที่เป็นแหล่งอาหารของพืชร่วมกัน ในกระบวนการสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรทขึ้นนั้น สัดส่วนของ พลังงานจากแสงแดด และปุ๋ยนั้น เป็นอัตราส่วน แสงอาทิตย์ 96 % ปุ๋ย (N, P, K) 3.6 % (และจุลธาตุอีก 0.4 %)
ในทัศนะมุมมองแบบเก่า เขียนเป็นรูปของสมการได้ดังนี้
ปุ๋ย + น้ำ = ผลผลิต
แต่ทัศนะมุมมองของเทคโนโลยี GPIT
แสง + ความต้านทาน (Anti stress) + ประสิทธิภาพของน้ำและปุ๋ย = ผลผลิต + คุณภาพ
ขบวนการ GPIT นั้นช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแสงเพิ่มขึ้นในส่วน 96 % จะอยู่ในรูปของความต้านทาน (Anti oxidation) ย่อมทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ
ปัจจัยที่เราจัดสรรเพิ่มเติมให้กับพืชที่ปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตนั้นคือ ธาตุอาหารหลัก (N, P, K) และจุลธาตุ ในสัดส่วน 4 % ดังกล่าว แม้จะเพิ่มเสริมเติมใส่ให้มากขึ้นอีกเท่าไรก็ย่อมไม่สามารถทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป (กลายเป็นความสูญเสียเปล่าประโยชน์ เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนมากยิ่งขึ้น) ถ้าการใช้ประโยชน์จากแสงไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่จากเทคนิคของ GPIT ที่ใช้กับการเพาะปลูกนั้น ศักยภาพของต้นพืชได้ถูกกระตุ้นชักนำให้เกิดความพร้อมในการใช้ปัจจัยที่มีอยู่อย่างพร้อมมูลครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นผลผลิตที่เพิ่มพูนมากขึ้นพร้อมๆกับคุณภาพที่ดีที่สุด ย่อมเป็นไปตามหลักการที่สมเหตุสมผลทุกประการ
|