ถูกต้องแล้วครับ เป็นเรื่องจริงที่ดูได้จากอินเตอร์เน็ตนี่แหละ

ประเทศจีนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งม่านไม้ไผ่ เคยมีหนังสือสารคดีเชิงท่องเที่ยวไทยเล่มหนึ่งตั้งชื่อว่า “แหวกม่านไม้ไผ่” ทั้งนี้สืบสาวราวเรื่องได้ความว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรต้นไผ่มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปัจจุบันจีนมีพื้นที่เป็นป่าไผ่ถึง 5,000,000 แฮ๊กแตร์ ซึ่งจากผลการสำรวจ มีอัตราการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างคงที่ 2.25 % ต่อปี และเป็นป่าไผ่ปลูกเพื่อการพาณิชย์สูงถึง 4,210,000 แฮ๊กแตร์ คำนวณเป็นน้ำหนักเนื้อไม้ได้ถึง 127 ล้านตัน ผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่นับรวมกันแล้วมีปริมาณสูงถึง 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์ทั้งโลก ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยทีเดียว นับตั้งแต่ศตวรรษ 90 เป็นต้นมา ประเทศจีนได้นำไม้ไผ่มาใช้งานทางด้านการก่อสร้าง ทำกระดาษ อาหาร เฟอร์นิเจอร์ บรรจุภัณฑ์ ขนส่ง บำรุงสุขภาพและรักษาโรค และอื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้นำไผ่มาวิจัยผลิตเป็นเส้นใยถักทอเป็นผ้าชนิดต่างๆ เพื่อตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ ผ้าขนหนูเช็ดตัว และอื่นๆแทนเสื้อผ้าที่ถักทอมาจากเส้นใยอื่นๆหลายชนิด

การนำเอาไม้ไผ่มาใช้ประโยชน์ที่เห็นกันทั่วๆไปก็คือ ทำเฟอร์นิเจอร์ ไม้ผาไม้พื้น ไม้ประดับอาคาร แต่ที่นำมาถักทอเป็นผ้านี่สิ ยังไม่เคยได้ยินได้เห็นมาก่อน มันเป็นไปได้จริงหรือ ? ตำตอบก็คือจริง ทั้งนี้ คลิ๊กเข้าไปดูได้เลยที่
http://www.cctv.com/program/kjy/20070522/105776.shtml
(ถ้าติดขัดเรื่องภาษา ก็ให้อ่านเนื้อความที่ถอดเป็นภาษาไทยเคร่าๆนี้ก่อน แล้วค่อยเปิดวิโอดู ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก)

วิธีการนั้นก็คือ นำเอาต้นไผ่มาตัดเป็นท่อนๆ มีความยาวที่พอเหมาะที่จะนำทาถักทอเป็นเส้นใย แล้วนำไปอบไอน้ำเพื่อให้เนื้อไม้อ่อนนุ่ม จากนั้นนำไปบดปั่นให้เหลือแต่เส้นใย จากนั้นนำไปปั่นเป็นเส้นด้ายเหมือนกับกรรมวิธีปั่นเส้นใยฝ้าย แต่ทว่าเส้นใยที่ได้นี้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าผ้าฝ้ายหลายๆกระทงเลยทีเดียว ผ้าที่ผลิตขึ้นจากเส้นใยไม้ไผ่มีความยืดหยุ่นดีกว่า นุ่มกว่า มีคุณสมบัติเป็นมันวาวใกล้เคียงกับผ้าไหม สามารถกำหนดความยาวของเส้นใยได้ตามต้องการ แต่เส้นใยฝ้ายมีความยาวของเส้นใยตายตัวตามธรรมชาติ ผ้าใยไผ่โปร่งกว่า ถ่ายเทอากาศได้ดีกว่า เมื่อตัดเป็นเสื้อผ้าสวมใส่จะใส้ความรู้สึกเย็นสบายกว่า ทั้งนี้นำมาทดสอบเปรียบเทียบได้โดยการนำเส้นใยทั้งสองชนิดมาใส่ลงในแก้วน้ำ เส้นใยไผ่จะจมดิ่งลงในน้ำทันที แต่กับใยฝ้ายนั้นต้องกดจุ่มแช่ไว้นานกว่าน้ำจะซึมซับเข้าไปได้ ที่เห็นเป็นไปดังนี้นั้น เนื่องจากโครงสร้างของเส้นใยไผ่นั้นประกอบไปด้วยโครงข่ายที่เป็นรูอากาศเล็กใหญ่มากมายเหมือนกับฟองน้ำ แต่โครงสร้างของเส้นใยฝ้านนั้นหนาแน่นเป็นแท่ง ดังนั้นการดูดซับน้ำจึงแตกต่างกันมากมายอย่างที่ทดลองให้เห็นกันจะจะ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของผ้าใยไผ่นั้นก็คือ ไม่อมน้ำมันและสิ่งสกปรก เมื่อเปรอะเปื้อนน้ำมันหรือสิ่งสกปรกก็สามารถซักออกได้อย่างง่ายดายในน้ำเปล่าธรรมดา แต่กับผ้าฝ้ายนั้นทำไม่ได้ ต้องอาศัยผงซักฟอกมาช่วยชะล้างจึงจะซักคราบมันที่เกาะติดออกได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้นั้น เนื่องจากอนุภาคของน้ำมันใหญ่เกินกว่าที่แทรกซึมเข้าไปในช่องอากาศได้ จึงเกาะติดแค่ผิวนอกของเนื้อผ้าเท่านั้น แต่กับอนุภาคที่เล็กของน้ำนั้นสามารถแทรกซึมเข้าไปอย่างง่ายดาย คุณสมบัติพิเศษอีกอันหนึ่งของผ้าใยไผ่นั้นก็คือการย้อมติดสีง่าย สีสดใสกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นด้วยโครงสร้างของเส้นใยอีกเช่นกัน เนื่องจากในผ้าใยไผ่นั้นประกอบไปด้วยรูเล็กใหญ่ที่คล้ายกับรังผึ้งจำนวนมาก เมื่อนำไปย้อมสี เม็ดสีที่มีน้ำเป็นตัวนำพาไปนั้นสามารถแทรกซึมเข้าในรูเหล่านี้ได้ง่ายและรวดเร็ว จึงทำให้เม็ดสีแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว  ทำให้สีย้อมมีความสม่ำเสมอ เมื่อทอเป็นผ้าจึงมีสีสดใสและติดแน่นทนนาน เมื่อนำไปซักล้างก็ไม่ตกสี

เป็นที่สังเกตุกันว่า นกนานาชนิดนั้นไม่บินเฉียดใกล้เข้าไปทำรังอาศัยอยู่ในป่าไผ่เลย มีอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้นกไม่เข้าใกล้ดงไผ่ เป็นเพราะว่าต้นไผ่มันลื่นจนเกาะจับไม่ได้ ? หรือกลัวใบไผ่ทิ่มกรีดเอา ? คงไม่ใช่อย่างแน่นอน เพื่อคลี่คลายปมลับอันนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้ทำการศึกษาวิจัย จึงพบว่าต้นไผ่นั้นสามารถสร้างสารชนิดหนึ่งที่ทำลายเชื้อโรคและแมลงได้ อีกทั้งยังปลดปล่อยสู่อากาศรอบตัวมันได้ด้วย จึงทำให้อากาศภายในป่าไผ่สะอาดบริสุทธิ์ ตัวหนอนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้ป่าไผ่เหล่านี้ เหล่าปักษาจึงเมินที่จะบินเข้ามาหากินในป่าไผ่ (เหมือนกับกรณีของดงป่าไม้ยูคาลิปตัสที่ขับสารพิษชนิดหนึ่งที่ฆ่าทำลายหนอนได้ เราจึงไม่เห็นนกบินเข้าไปในดงป่ายูคาฯเช่นกัน) เพราะไม่มีหนอนให้มันหากินเป็นอาหารได้ ด้วยคุณสมบัติอันนี้ เมื่อนำใยไผ่มาถักทอตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ นอกจากให้ความรู้สึกเย็นสบาย อากาศถ่ายเทดีแล้ว เสื้อผ้าเหล่านี้ยังไม่ดูดซับกลิ่นเหงื่อ ยังฆ่าทำลายเชื้อโรคได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ถ้ามีการพัฒนาที่ดีขึ้น มีการนำเอาต้นไผ่มาผลิตเป็นผ้าได้มากขึ้น ก็จะเป็นการนำทรัพยากรไผ่มาใช้ประโดยชน์ได้อย่างกว้างขวางคุ้มค่า เนื่องจากไผ่เป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วมาก หน่อไผ่ที่เพิ่งโผล่จากหน้าดิน ใช้เวลาแค่ 20 กว่าวันเท่านั้นก็พุ่งทะยานเติบโตมีความสูงถึง 30 เมตรเลยทีเดียว

เนื้อหาสาระเหล่านี้ท่านสามารถเปิดดูได้จากวิดีโอที่เว็บไซท์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเว็บไซท์ที่จัดทำขึ้นของ CCTV 7 ที่นำเสนอสารคดี เนื้อหาสาระทางการเกษตรอันหลากหลาย และสารทางทหารที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง