ReadyPlanet.com


ภาพรวมของเศรษฐกิจไทย


ธงชาติไทย

ภาพรวมของเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจกำลังปรับปรุงแบบผสมและก็เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ เมื่อปี 2561 มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในรูปเงินสด (ราคาตามท้องตลาด) เป็นชั้นที่ 25 ของโลก มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่ความทัดเทียมกันของอำนาจซื้อ (พีพีพี) เป็นชั้นที่ 20 ของโลก ถือว่าใหญ่สุดเป็นชั้นสองของอาเซียน มีอัตราเงินเฟ้อทั่วๆไปอยู่ที่ 1.1% ภาคอุตสาหกรรมและก็บริการเป็นภาคหลักในสินค้ามวลรวมในประเทศของประเทศไทย โดยภาคอุตสาหกรรมเป็นสัดส่วน 39.2% ของจีดีพี ภาคทำการเกษตรเป็นสัดส่วน 8.4% ของจีดีพี น้อยกว่าภาคการขนส่งรวมทั้งการค้าขาย ตลอดจนการติดต่อสื่อสาร ซึ่งเป็นสัดส่วน 13.4% รวมทั้ง 9.8% ของจีดีพีเป็นลำดับ ภาคก่อสร้างรวมทั้งเหมืองเป็นสัดส่วน 4.3% ของจีดีพี ภาคอื่น (ซึ่งรวมภาคการคลัง การเรียน เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์และก็ห้องอาหาร) เป็นสัดส่วน 24.9% ของจีดีพี4 โทรคมนาคมและก็กิจการค้าบริการกำลังเกิดเป็นศูนย์กลางการขยายอุตสาหกรรมแล้วก็การประลองด้านเศรษฐกิจ

 
ในปี 2551 เมืองไทยส่งข้าวออกคิดเป็นโดยประมาณ 33% ของกิจการค้าข้าวทั่วทั้งโลก27 เมืองไทยเป็นผู้สร้างรวมทั้งส่งออกยางรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเป็นผู้ส่งออกของกินรายใหญ่ชั้น 5 ของโลก ในปี พุทธศักราช 2560 เมืองไทยมีมูลค่าการส่งออกเป็นชั้นที่ 21 ของโลก และก็มีมูลค่าการนำเข้ามาเป็นชั้นที่ 25 ของโลก ประเทศคู่ค้าหลัก ตัวอย่างเช่น จีน ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศฮ่องกงและก็ประเทศเกาหลีใต้ ธนาคารโลกการันตีเมืองไทยว่าเป็น "นิยายการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่ง" (one of the great development success stories) จากตัวชี้วัดทางด้านสังคมรวมทั้งการพัฒนา31 ถึงแม้รายได้มวลรวมประเทศชาติ (GNI) ต่อหัวต่ำหมายถึง5,210 ดอลล่าร์สหรัฐ และก็มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) อยู่ที่ชั้นที่ 89 แม้กระนั้นมวลชนที่อยู่ต่ำยิ่งกว่าเส้นความแร้นแค้นลดน้อยลงจาก 65.26% ในปี 2531 เหลือ 8.6% ในปี 2559 ตามเส้นฐานความยากแค้นใหม่ของที่ทำการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแล้วก็สังคมแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ในไตรมาสแรกของปี 2556 อัตราตกงานของไทยอยู่ที่ 0.7% ซึ่งน้อยเป็นชั้น 4 ของโลก รองจากประเทศเขมร โมนาโกและก็กาตาร์
 
เมื่อวันที่ 1 เดือนมกราคม พุทธศักราช 2556 ค่าจ้างขั้นต่ำทางการทุกจังหวัดเป็น 300 บาท ความแตกต่างของรายได้ในประเทศไทยนับว่าสูงสุดประเทศหนึ่งในเอเซียอาคเนย์ ครอบครัวที่มั่งมีที่สุด 20% มีรายได้ครอบครัวเกินครึ่ง ดรรชนีจีนีของรายได้ครอบครัวอยู่ที่ 0.51 ครอบครัวรายได้น้อยและก็ยากจนข้นแค้นกลุ่มอยู่ในภาคทำการเกษตรอย่างยิ่ง ในตอนการสู้รบเวียดนาม (2508–2518) เงินสนับสนุนจากสหรัฐหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย มีการปรับปรุงต่างจังหวัดอย่างมากมาย มีการลงทุนจากเอกชนต่างชาติในองค์ประกอบเบื้องต้นแล้วก็มีการขยายอุดมศึกษาเพื่อสร้างนักวิชาการเพื่อรองรับเศรษฐกิจดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในตอนนี้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตอย่างเร็วเป็นราวๆปีละ 7% ระบบเศรษฐกิจแปรไปเป็นแบบอุตสาหกรรม เมืองไทยมีการเปลี่ยนเป็นเมือง ความแตกต่างระหว่างเมืองรวมทั้งต่างจังหวัดสูงมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังมีการเติบโตของประชาชนอย่างก้าวกระโจน ะหว่างปี พุทธศักราช 2529–2539 เป็นสมัยของการเปิดเสรีครั้งใหญ่รวมทั้งการเจริญเติบโตแบบเศรษฐกิจฟองสบู่ เป็นตอนที่เศรษฐกิจระบบทุนนิยมโลกปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลสำคัญ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเปรียบเทียบเงินเยนประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศเกาหลีใต้ เคลื่อนย้ายการลงทุนมาไทยและก็ทวีปเอเชียทิศตะวันออกเฉียงใต้มากเพิ่มขึ้น การส่งออกของไทยขยายตัวมากขึ้นอย่างเร็ว รัฐบาลที่มาจากนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ แล้วก็ชนชั้นกลางก็เปิดเสรีด้านการเงิน การค้าขาย การลงทุนมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเติบโตสูงเฉลี่ยราวปริมาณร้อยละ 8 - 10 ต่อปี แม้กระนั้น ภายหลังวิกฤติการณ์ด้านการเงินในทวีปเอเชีย พุทธศักราช 2540 ประชาชนหลายล้านคนว่างงาน แล้วก็จนตราบเท่า พุทธศักราช 2544 ที่เมืองไทยสามารถควบคุมค่าเงินรวมทั้งเศรษฐกิจได้อีกทีหนึ่ง
 
ในวันที่ 19 เดือนกรกฎาคม 2556 เมืองไทยครอบครองทุนสำรองระหว่างชาติ 171,200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ มากมายเป็นชั้นสองในเอเซียอาคเนย์ (รองจากประเทศสิงคโปร์) เมืองไทยยังมีจำนวนการค้าขายต่างแดนเยอะที่สุดเป็นชั้นสอง รองจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อสิงหาคม พุทธศักราช 2554 ธนาคารชาติพบว่า เมืองไทยมีทิศทางหนี้สินสาธารณะมากขึ้นจาก 44% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2554 เป็น 60% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2556 และก็จะเริ่มมีหนี้สินสาธารณะสูงขึ้นยิ่งกว่ากรอบระเบียบการเงินในปีงบประมาณ 2557 กระทั่งถึง 70% ของจีดีพีในปีงบประมาณ 2559 เพราะว่ารัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารชาติประเมินว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลบางทีอาจจะต้องใช้เงินมากถึง 442,000 ล้านบาท ถัดมาในปีงบประมาณ 2564 กระทรวงการคลังคาดว่าหนี้สินสาธารณะจะอยู่ที่ 9.3 ล้านล้านบาท หรือจำนวนร้อยละ 57 ของจีดีพี ในปี พุทธศักราช 2528 เมืองไทยได้กำหนดให้พื้นที่ของประเทศ 25% เป็นป่าเพื่อการรักษาแล้วก็อีก 15% เพื่อการสร้างไม้อย่างเป็นทางการ ป่าเพื่อการรักษาถูกก่อตั้งในการรักษาชนิดสัตว์ป่าแล้วก็การพักผ่อนหย่อนใจ ในขณะป่าเพื่อการสร้างให้โอกาสให้อุตสาหกรรมป่าดงสามารถใช้ประโยชน์ได้ ระหว่าง พุทธศักราช 2535 แล้วก็ 2544 การส่งออกทุ่นไม้ขนาใหญ่รวมทั้งไม้แปรรูปมากขึ้นจาก 50,000 ลูกบาศก์เมตรเป็น 2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
 
การระบาดของหวัดนกในประเทศทำให้ภาคทำการเกษตรหดตัวระหว่างปี พุทธศักราช 2547 ประกอบกับคลื่นยักษ์ซึ่งกระหน่ำภาคใต้หาดอันดามันภายหลังแผ่นดินไหวใต้ทะเลประเทศอินเดีย พุทธศักราช 2547 ได้สร้างความย่ำแย่แก่อุตสาหกรรมประมงในพื้นที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในปี พุทธศักราช 2548-2549 ภาคทำการเกษตรมีจีดีพีต่ำลงถึง 10% เมืองไทยมีปริมาณหญิงขายบริการทางเพศกว่า 1 แสนถึง 2 แสนคนธุรกิจอาบอบนวดที่ขายบริการทางเพศร่วมด้วยทำรายได้ให้กับเมืองไทย ในปี พุทธศักราช 2550 ยกวิทย์ ใจวิศิษฎ์ เจาะจงในภาคนิพนธ์ว่า เมืองไทยมีรายได้จากธุรกิจอาบอบนวดแล้วก็ธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับบริการทางเพศราว 2.05 ของ จีดีพีในปีนั้น


ผู้ตั้งกระทู้ ไกลสุร :: วันที่ลงประกาศ 2021-12-14 16:51:30 IP : 27.131.162.206


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
Welcome to Eco-agrotech.com Photo Albums