การใช้ นาซี 778 ให้ได้ผลและประหยัดที่สุดก็คือการแช่เมล็ดก่อนหว่าน 1 ครั้ง และฉีดพ่นทางใบอีก 1 ครั้ง ทั้งนี้ในพื้นที่ปลูก 1 ไร่นั้น ใช้นาซี 778 เพียง 1 ลิตรเท่านั้น เนื่องจากการแช่เมล็ดครั้งแรกนั้นใช้น้ำยาน้อยมาก ส่วนการฉีดพ่นทางใบนั้นจะเกิดความสิ้นเปลืองสูญเสียไปในขณะฉีดพ่น เพราะต้นกล้าขยายพื้นที่กว้างออกไปทำให้ส่วนหนึ่งไม่สัมผัสกับใบพืช

แต่การปลูกข้าวแบบหว่านแห้งนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องของนำที่ต้นกล้าจะได้รับหลังต้นกล้างอกแล้ว (และนาซีฯ ทำให้งอกเร็วกว่าด้วย) ถ้าขาดน้ำ (ฝน) เป็นเวลานาน ก็จะทำให้ต้นกล้าเฉาตายได้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องให้ทางใบ วิธีใช้ก็คือ ฉีดพ่นให้ทางใบทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกคงใช้น้อยกว่าครั้งหลัง เนื่องจากต้นข้าวยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ต้องใช้ความเข้มข้นสูงกว่าครั้งที่ 2 โดยใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 60 (ความเข้มข้นมีผลต่อการตอบสนอง) ส่วนครั้งหลังนั้น อนุโลมให้ใช้เจือจางลง โดยใช้ในอัตราส่วน 1 ต่อ 80 ทั้งนี้ปริมาณที่ใช้ต่อไร่ก็คงจะไม่เกิน 1 ลิตรนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดคำนวณ ต้นทุน กับผลลัพท์ที่ได้ ก็ยังคุ้มค่าต่อการลงทุน เช่นถ้าปกติเคยทำนาได้ผลผลิต 800 กิโลกรัมต่อไร่ ถ้าใช้นาซีฯ 1 ลิตร ราคา 600 บาท ถ้าได้ข้าวเพิ่มขึ้น 50 % (ไม่ต้องเพิ่มถึง 100 %)ก็ได้ข้าวเพิ่มขึ้นอีก 400 กิโลกรัม ขายในราคา กก. ละ 10 บาท ก็ได้เงินเพิ่ม 4,000 บาท หักต้นทุน นาซีฯ ออก 600 บาท ก็ได้เงินเพิ่มขึ้น 3,600 บาท แต่ราบได้ที่มองไม่เห็นก็คือ การลดลงของสารเคมีต่างๆ เอย่าง ยาโรครา ยาฆาแมลง อาหารเสริม เวลา แรงงาน และสุขภาพ แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ ความเสี่ยงที่คาดคิดไม่ถึง นั่นก็คือ การระบาดของโรค แมลง ซึ่งเคยปรากฏมาแล้ว แปลงนาที่ปลูกพร้อมกัน ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน แปลงที่ไม่ได้ใช้ นาซี 778 นั้นไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเลย ซ้ำยังต้องหมดเงินเพิ่มขึ้นจากการฉีดพ่นยากำจัดอีกหลายเงิน แต่เอาไม่อยู่ ส่วนแปลงที่ใช้นาซีฯ นั้นฉีดพ่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นอีก 60 %