ต้นกาแฟแต่ละพันธุ์จะมีรสชาติเฉพาะตัวและขึ้นอยู่กับแหล่งที่ปลูกกาแฟ รสชาติจากกาแฟแต่ละสายพันธุ์ เราจะอธิบายถึงพันธุ์ Liberica พื้นฐานก่อนเพราะเป็นพันธุ์ที่น่าตื่นเต้นน้อยที่สุด พันธุ์นี้มีลำต้น ใบ และผลขนาดใหญ่แต่ให้ผลผลิตต่ำ หรือปลูกเป็นแนวกันลมให้กับกาแฟพันธุ์อื่นๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมในการเพาะพันธุ์กาแฟหลายสายพันธุ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศที่เลวร้ายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รสเปรี้ยวของไลบีเรียค่อนข้างคล้ายกับขนุนสุก หากผู้คนต้องการสัมผัสประสบการณ์ พวกเขาสามารถไปที่การทดลอง 96B ภาพประกอบลักษณะเมล็ด รสชาติ ระดับความสูง และระยะเวลาการออกดอกของสามพันธุ์หลัก พันธุ์โรบัสต้าเหมาะสำหรับการปลูกต่ำกว่า 1,000 ม. เมล็ดมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับ เมล็ดกาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้า โดยให้ผลผลิตดีและมีปริมาณคาเฟอีนสูง (คาเฟอีนเป็นสารขับไล่แมลง แต่สภาพแวดล้อมของแมลงที่หลากหลายอยู่ต่ำกว่า 1,000 ม.) รสชาติ เข้มกว่า ขมกว่าเปรี้ยวกว่าอาราบิก้า (เพิ่มเติม หลายท่านสงสัยว่าทำไมผมถึงบันทึกว่าโรบัสต้ามีกรดมากกว่าอาราบิก้า อันนี้จริงเฉพาะโรบัสต้าคั่วอ่อนเท่านั้น เพราะโรบัสต้าปลูกที่ระดับความสูงต่ำก็จริง . สารประกอบของน้ำตาลและกรดอินทรีย์น้อยกว่าทำให้เกิดรสเปรี้ยวที่คมชัดมากไม่ละเอียดอ่อนเท่าอาราบิก้า) นี่เป็นเหตุผลที่คนมักจะเห็นถั่วโรบัสต้าหรือคั่วเข้มเพราะหากคั่วอ่อนจะมีรสเปรี้ยวเหมือนกินมะนาวทั้งผลหรือดื่มน้ำส้ม ในทางกลับกัน อาราบิก้านั้นตรงกันข้าม ความสูงของการปลูกที่เป็นที่นิยมคือมากกว่า 1,000 ม. ผลผลิตต่ำ ปริมาณคาเฟอีนต่ำเมื่อเทียบกับโรบัสต้า และต้านทานศัตรูพืชและโรคได้ไม่ดี รสชาติ หอม เปรี้ยว ขมเล็กน้อย เข้มข้นน้อยกว่าโรบัสต้า ข้อสรุปทั่วไประหว่างอาราบิก้าและโรบัสต้า ในแง่ของคุณภาพ อาราบิก้าดีกว่าโรบัสต้า และในแง่ของผลผลิต โรบัสต้าจะสูงกว่าเนื่องจากให้ผลผลิตที่ดี ดังนั้นราคาของอาราบิก้าจะหวือหวากว่าโรบัสต้ามาก ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ผู้ที่ชื่นชอบพันธุ์ชาที่มีกลิ่นหอมควรเลือกอาราบิก้า และผู้ที่ต้องการเครื่องดื่มที่มีรสขมและเข้มข้นด้วยน้ำตาลหรือนมข้น ควรใช้โรบัสต้า แต่อย่าดื่มเมล็ดอาราบิก้าแล้ววิจารณ์ว่าซีดเกินไป บังคับให้เหมือนกับโรบัสต้าและในทางกลับกัน มันเหมือนกับคุณย่างปลาแล้วเปลี่ยนเป็นเนื้อย่าง