เรียนคุณสุวรรณา

     ต้องทำความเข้าใจในเบื้องแรกก่อนว่า นาซี 778 นั้น มิใช่สารเคมีที่ผู้ผลิตสามารถปรับตั้งความเข้มข้นเท่าไรก็ได้ และสารเคมีเกษตรนั้นส่วนมากใช้ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น เช่น 15 - 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร แต่ นาซี 778 นั้น เป็นสารสมุนไพร ถ้าหากทำให้มีความเข้มข้นเทียบเท่ากับสารเคมีแล้ว คงไม่ได้อยู่ในรูปของ ของเหลวเป็นแน่ เพราะปริมาณของตัวยานั้นจะมากกว่าปริมาณของตัวทำละลาย จึงต้องปรับตั้งความเข้มมข้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน (นาซีฯ 100 ซีซี เจือจางกับน้ำ 10 ลิตร) ซึ่งอัตราการใช้ดังกล่าว เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสารเคมีที่เกษตรกรคุ้นเคยแล้ว ทำให้รู้สึกว่า นาซีฯ ใช้ในปริมาณที่มากกว่า นี่คือความจริง

แต่สิ่งที่ทำให้เกษตรกรไขว้เขว เข้าใจผิดก็คือ ถ้าเช่นนั้น นาซี 778 ก็มีราคาสูง  แพงกว่าเคมีเกษตร น่ะซี

แต่ไม่ใช่ครับ ! บอกได้เลยว่า เป็น การเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ผลิตภัณฑ์ใด จะถูก หรือ แพง ไม่ได้อยู่ที่อัตราส่วนการใช้ แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ทั้งหมด ต่อหนึ่ง ฤดูกาลเพาะปลูก (ตั้งแต่เริ่มปลูก จนกระทั่ง เก็บเกี่ยว) สารเคมีโดยทั่วไปให้ใช้ 7 ถึง 15 วันครั้ง (แล้วให้รวบรวมสะวมที่ใช้ทั้งหมดเท่าไร) ค่าแรงงานต้องจ่ายไปแล้วเท่าไร (นี่คือต้นทุนที่เป็นมูลค่าของเงิน บวกกับ เวลาที่ต้องเสียไปอีกต่างหาก) แต่ นาซี 778 นั้น ในรอบฤดูกาลเพาะปลูกหนึ่งๆนั้น ใช้ แค่ 2 ครั้ง อย่างเก่งก็ไม่เกิน 3 ครั้ง ในพืชไร่ (4 ครั้ง/ปี ในพืชสวน) เซฟกว่าทั้งเงินทอง แรงงาน และเวลา แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ นาซีฯ ทำให้ประหยัดค่าปุ๋ย ค่ายาได้อีกไม่ต่ำกว่า 30 - 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ผลผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 40 % ด้วยคุณภาพที่ดีเลิศสม่ำเสมอ น้ำท่วม น้ำขังก็ไม่ตาย แล้งก็ยังทนได้ แล้วผลลัพท์ที่ได้ปานนี้ 

นาซี 778 จะแพงกระไรได้ ! (ใช้หลักตรรกกะคิดเอาหน่อย)  

ส่วนการใช้ นาซี 778 กับมะขามหวานนั้น เป็นเรื่องง่ายๆ ผสมนาซีฯ 100 ซีซี. กับน้ำสะอาด (อย่าใช้น้ำปะปาที่มีคลอรีนค้างละลายอยู่) 10 ลิตร ฉีดพ่นให้ทางใบ หลังเก็บเกี่ยวฝักหมดแล้ว แล้วจึงให้ปุ๋ยบำรุงตามหลัง และใช้ นาทซี 778 อีก3 ครั้ง (3 เดือนครั้ง) แล้วก็รอคอยดูสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นกับมะขามที่ปลูกได้เลย