ReadyPlanet.com


ชี้แจง


สืบเนื่องจากกระทู้ที่โพสเกี่ยวกับ ปุ๋ยน้ำ sk999 ที่ไดัรับรางวัลชนะเลิศเหรียญทองงานเกษตรแฟร์-เซี่ยงไฮ้

ผมมีความสงสัยว่า ปุ๋ยตัวนี้ยังเทียบกับนาซีไม่ได้ เพราะ นาซี เน้นทางด้าน ขบวนการสังเคราะห์แสงมากกว่า ส่วน ปุ๋ยดังกล่าว ผมว่าเน้นไปทางด้าน บำรุงพืชมากกว่า ถ้าเทียบกันในแง่ของการเพิ่มผลผลิตผมว่ายังห่างชั้นกันนัก

และถ้าพูดถึงองค์ความรู้ใหม่ของเทคโนโลยีด้านเกษตรผมว่านาซีเหนือกว่า ตรงที่นาซี เน้นด้านเกษตรการสังเคราะห์แสงเป็นหลัก ซึ่งจริงๆแล้วแสงเป็นตัวการหลักที่จะเป็นตัวชี้วัดด้านผลผลิตมากกว่าการใส่ปุ๋ย ส่วนปุ๋ยดังกล่าวในความคิดของผมยังคงเป็นเพียงเทคโนโลยีเก่า เหตุเพราะดูได้จากส่วนประกอบหลักของปุ๋ย

ประกอบ ด้วยธาตุอาหารหลัก NPK ในอัตราส่วนเท่ากัน อย่างละ 5% ของน้ำหนักปุ๋ย หรือที่เรียกกันว่าสูตร 5-5-5
นอกจากนี้ ยังประกอบด้วยธาตุอาหารรอง (Ca Mg S) และธาตุอาหารเสริม (Fe Zn Cu Mn B Mo Cl ) ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของพืช

จุลินทรีย์ที่ช่วยในการปรับสภาพดิน และสารฟลาโวนอยด์ที่สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดินได้หลายชนิด อาทิ จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายฟอสเฟต จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายฟางข้าว และจุลินทรีย์ที่ตรึงไน
โตรเจนในอากาศ เป็นต้น
การนำเอาธาตุอาหารหลัก ที่เป็นเคมี มาผสมร่วมกับจุลินทรีย์ ควบคู่กับสารฟลาโวนอยด์

ที่บรรจุอยู่ในขวดเดียวกัน

คุณสุวิท มีความเห็นอย่างไรบ้างกับเหตุผลของกรรมการ ถึงได้มอบรางวัลชนะเลิศ ให้กับปุ๋ยดังกล่าว

เป็นเพราะ ในสังคมเกษตรยุคปัจจุบัน แม้ว่ามีกลุ่มเกษตรกรจำนวนมาก พยายามลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี และสารเคมี เพื่อยกระดับผลิตผลเป็นเกษตรอินทรีย์ แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่มากมาย เนื่องจากแร่ธาตุที่อยู่ในดิน เมื่อถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์มากขึ้น ธาตุอาหารหลัก จะลดน้อยลงไป ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพืชได้ดีเท่าที่ควร
ขณะเดียวกัน การใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป หากมีมากเกินความจำเป็น ก็จะมีการจับตัวของธาตุโลหะหนักในดิน เป็นประจุลบที่ทำให้ดินแข็งตัว ไม่มีความโปร่งพรุน แม้จะมีการหว่านปุ๋ยซ้ำเป็นจำนวนมาก ก็ไม่สามารถนำเอาแร่ธาตุที่สะสมมาใช้ได้
การรักษาความสมบูรณ์ของดินของเกษตรกรจึงมีทางเลือกไม่มากนัก ซึ่งจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรในบ้านเรา มีผู้ประกอบการพยายามคิดค้นหาทางออกในหลาย ๆ แนวทาง แต่สุดท้าย ก็ไม่อาจหลีกพ้นที่จะต้องอาศัยแนวทางแบบผสมผสาน นั่นก็คือ การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ควบคู่กัน
โดยเฉพาะการปุ๋ยประเภท เม็ด นอกจากจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากแล้ว หากแต่ยังเป็นภาระในการขนย้ายและการหว่านเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ การหว่านปุ๋ยเคมี เป็นที่ทราบดีว่า ในจำนวน 100 % ที่หว่านไป ส่วนหนึ่งจะละลายไปกับอากาศ อีกส่วนหนึ่งจะเหลือเก็บสะสมเอาไว้ในดิน ส่งผลทำให้คุณภาพดินเสื่อม อีกทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
แม้ในปัจจุบันนี้ จะมีผู้ผลิตหลายราย พยายามคิดค้นนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับพืช แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ในลักษณะ Growth Hormone ที่เร่งให้พืชกินอาหารเก่งเท่านั้น แต่เมื่อถึงยามที่พืชต้องการอาหาร ก็ต้องไปหาปุ๋ยเคมีมาหว่านเพิ่ม เป็นเหตุผลนี้รึป่าวครับ



ผู้ตั้งกระทู้ บก :: วันที่ลงประกาศ 2013-08-04 07:09:06 IP : 182.53.242.77


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
Welcome to Eco-agrotech.com Photo Albums