มีครอบครัวหนึ่งในถิ่นที่แห่งนี้ สะใภ้สาวได้ตั้งท้องขึ้น แม่ผัวจึงฆ่าไก่ต้มยาจีนบำรุงครรภ์มาให้กิน สะใภ้แต่พบว่า ตูดไก่ ที่นางชอบกินนั้นแหว่งหายไป ถึงถามแม่ผัวว่า ตูดไก่นั้นหายไปไหน แม่ผัวตอบว่า แม่ชอบกิน แม่ได้กินไปแล้ว นางจึงต่อว่าต่อขานแม่ผัวว่า ตูดไก่นั้นช่วยบำรุงครรภ์ เหตุใดจึงแอบเอาไปกิน แม่ผัวก็ไม่พอใจ กล่าวตอบว่า ฉันกิน หรือ เธอกิน มันก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันนั่นแหละ โกรธกันไปใย ? แต่สะใภ้ก็ไม่หายโกรธ ความสัมพันธ์จึงเลวร้ายลงเรื่อยๆ เมื่อมีสำรับไก่ขึ้นโต๊ะ แม่ผัวก็จะแย่ง ตูดไก่ กินทุกครั้งไป ทำให้ลูกสะใภ้น้อยใจ ผูกคอตาย โดยก่อนตายได้กล่าวบนบานว่า ถ้านางตายไป ขอให้นางได้ไปเกิดเป็นไก่ที่ไม่มีตูด เพื่อที่แม่ผัวจักได้ไม่มีโอกาสได้กินตูดไก่ต่อไป (แสดงว่าตูดไก่นี่ถ้าจะอร่อยจริงแฮะ ถึงกับยอมตายได้นะเนี่ย)
ถึงแม้ว่าจะเป็นนิทานที่เล่าสืบต่อกันมา แต่ก็มีข้อคิดความเชื่อในหมู่ชาวบ้านที่นั่นว่า ถ้าครอบครัวใดเลี้ยงไก่นี้ไว้บ้าน ก็จะทำให้ประสบกับวิบัติขาดผู้สืบสายพันธุ์ เนื่องจากไก่พันธุ์นี้มีอวัยวะไม่ครบส่วน จึงไม่มีผู้สนใจเลี้ยงขยายพันธุ์ เมื่อเติบโตพอกินได้ ก็จะรีบเชือดกินทันที และโดยที่ถือว่าเป็นไก่อัปมงคล จึงไม่มีการให้ไก่สายพันธุ์นี้เป็นสิ่งกำนัลต่อกัน (คนจีนสมัยก่อนนิยมให้ไก่แก่เพื่อนบ้าน เนื่องในโอกาสวันดีคืนดีต่างๆ) ไก่นี้จึงขาดโอกาสในการแพร่ขยายพันธุ์ไปโดยปริยาย (ผู้ที่ได้รับกำนัลไก่มา ใช่ว่าจะฆ่าแกงกินเสียทั้งหมดไม่ แต่ได้นำไปเลี้ยงต่อเพื่อขยายพันธุ์ก็เป็นได้)
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาไก่ เผียวจี สูญพันธุ์ ทางการจึงต้องหาทางเพิ่มประชากรไก่ให้ได้ นั่นก็คือเปลี่ยนทัศนะคติไม่ดีที่มีมาแต่เดิมเสียใหม่ แล้วทำการหยุดฆ่า พร้อมทั้งทำการชักนำส่งเสริมให้ชาวบ้านได้เลี้ยงกัน วิธีโน้มน้าวใจก็คือ การตั้งราคารับซื้อไก่ เผียวจี ให้สูงกว่าไก่พื้นบ้านทั่วไปเป็นเท่าๆตัว กลยุทธวิธีนี้ดูจะได้ผลดีเอามากๆ ทางการก็ใช้จิตวิทยามาล่อใจนักชิมชาวจีนให้มากินไก่ชนิดนี้กัน (คิดว่าคงได้ผลดีจริง เพราะเนื้อไก่ที่ว่านี้รสชาติมันก็โอชะตามความเป็นจริงเสียด้วย แต่ถ้านำมาใช้ในประเทศไทย ผลที่ได้คงเป็นไปอีกแบบต่างหากแน่นอน คุณล่ะ คิดว่าเป็นเช่นไร ?) เมื่อราคาซื้อขายกระเตื้องสูงขึ้น ก็เกิดการเลี้ยงขุนกันยกใหญ่ แต่ก็ยังประสบปัญหาที่ยุ่งยากในการขยายพันธุ์ ปัญหาที่ว่านี้ก็คือ การผสมพันธุ์ สาเหตุก็เกิดจากโครงสร้างทางร่างกายที่บางส่วนขาดหายไป เช่นจะงอยตูดที่ขาดหายไป ทำให้ขนหางยาว และขนปีกที่เป็นตัวช่วยพยุงตัวในยามขึ้นคร่อมสมสู่ทำได้ไม่ดีพอ อีกทั้งขนส่วนท้ายที่ลู่ลงนั้น เป็นอุปสรรคปิดกั้นการการสัมผัสในยามฉีดเชื้อ จึงทำให้การผสมติดของไข่มีเพียง 40 – 50 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าไก่ทั่วไปที่สูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์
วิธีแก้ไขปัญหาการผสมให้ไข่ติดเชื้อง่ายๆก็คือ แนะนำให้ชาวบ้านตัดขนบั้นท้ายไก่ตัวเมียออกให้โล่งเตียน ให้เป็นการง่ายสำหรับตัวผู้ขึ้นขี่คร่อม แต่ก็ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ลุล่วงทั้งหมด ทางการจึงหาวิธีใหม่ที่ค่อนข้างได้ผล นั่นก็คือ การผสมเทียม โดยการรีดเชื้อจากตัวผู้ฉีดใส่ไก่ตัวเมีย ปรากฏว่าช่วยการผสมติดสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
หลังจากที่ทางการได้ใช้มาตรการชักจูงให้เกษตรกรหันมาบำรุงพันธุ์ไก่ เผียวจี ไก่ในลำดับต้นๆนั้น ไม่มีความเสถียรในลักษณะของสายพันธุ์ ทางการจึงได้ทำการคัดเลือกสายพันธุ์ออกเป็นจำพวก ทั้งชนิดของสีขน รวมทั้งลักษณะเด่นที่ไร้ขนหางคงที่ไม่แปรปรวน ได้สายพันธุ์แท้ขึ้นมา ปัจจุบันการเลี้ยงไก่ เพี่ยวจี ได้ปลายมาเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่โตที่ยูนนาน เป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศ (จีน) แล้ว ...
แล้วไก่เบตง ในบ้านเรา จะมีโอกาส เกิด บ้างหรือเปล่า ? ช่วยหาคำตอบให้ด้วยเถอะ
หมายเหตุ
แบะแซ คือน้ำตาลกลูโคสที่ได้จากการหมักแป้งที่ได้มาจาก ข้าว ข้าวสาลี แป้งมันสำปะหลัง หรือ แป้งข้าวโพด มีลักษณะเหนียวหนืด ชาวบ้านเอามาเจือกับน้ำผึ้งแล้วกรอกใส่ขวดเร่ขายตามบ้านพักอาศัยทั่วไปในราคาค่อนข้างสูง โดยอ้างว่าเป็นน้ำผึ้งจากธรรมชาติแท้ๆเชียวนา เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่น ได้มีการเอารังผึ้งติดห้อยกับกิ่งไม้มาประดับโชว์ให้ดูด้วย ราคาจึงได้แพงกว่าน้ำผึ้งเลี้ยง (อย่าบอกใคร ผมก็หลงเชื่อมาแล้วเหมือนกัน อย่าได้ดูถูกการตลาดภูมิปัญญาชาวบ้านไปเชียวนะ)
เผียวจี (瓢鸡) ถ้าจะแปลกันให้ถูกต้องตามหลักภาษาแล้ว ต้องเรียกว่า ไก่เผียว เนื่องจาก จี / 鸡นั้น ก็แปลว่า ไก่ นั่นเอง แต่เมื่อนำมาใช้กันในภาษาไทยแล้ว มันให้ความรู้สึกที่ ห้วนและแข็งกระด้างเกินไปในการออกเสียง จึงต้องแปลทับศัพท์กันไป เมื่อฟังแล้วชวนให้รื่นหูดีกว่ากันเยอะเลย (ว่าไหม ?)
ไก่ที่มีเนื้ออร่อยที่สุด
จากการที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการไก่มากว่า 40 ปี ได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อไก่มาก็หลายสิบชนิด จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว บอกได้เลยว่า ไก่ที่มีเนื้อโอชะ อร่อยปากที่สุดนั้น คือ ไก่ คอล่อน ครับ เมื่อได้ลิ้มลองครั้งแรกในชีวิตนั้น บอกได้เลยว่า ตัวเรานี่หลงโง่งมไปซะนาน ทำไมจึงมองข้ามของดีๆไปได้ แต่ .. นั่นเป็นเรื่องที่ตำหนิกันไม่ได้ ไก่คอล่อนไม่เป็นที่นิยมกินกัน จึงไม่นิยมเลี้ยงกันตามไปด้วย สาเหตุเนื่องจากลักษณะของตัวมันนั่นแหละ ที่ไม่มีขนรอบคอ เมื่อมองดูแล้ว ทำให้นึกถึง อีแร้ง ซึ่งเป็นนกที่กินซากศพ ก็เลยพาลไม่กินไก่คอล่อนด้วยเลย (เขาเรียกว่า ภาพหลอนลวงตา พาให้โง่) ส่วนเนื้อไก่ที่อร่อยรองลงมานั้นก็คือ ไก่ เก้าชั่งครับ แต่ต้องเป็นไก่ที่โตเต็มที่แล้วนะครับ ไอ้ที่น้ำหนักตัว 4 – 5 กิโลกรัม น่ะ มันยังเด็กๆอยู่เลย ต้องให้ได้อย่างน้อย 7 – 9 กิโลกรัม นี่สิ กินแล้วเลิกกินไก่เนื้อขนขาวไปเลย (รสชาติเหมือนเคี้ยวกล่องกระดาษยังไงยังงั้น)
ส่วนร้านอาหาร ที่ขึ้นเมนูว่า ไก่เบตง นั้น อย่าได้ไปหลงเชื่อเชียวนา เพราะทุกวันนี้มันหาได้ยากเต็มที ที่เสริฟมาให้ดีใจเล่นว่าได้กินไก่เบตงนั้น มันก็คือไก่พื้นบ้านแท้เท่านั้นเอง แต่ถ้าเจอไก่บ้านเทียม (สาม หรือ 4 สายเลือด) ก็จงทำใจเถอะครับว่าถูกหลอกอย่างจังเข้าแล้ว โยม
จากการเพ่งพิศวงการปศุสัตว์ของจีนมาหลายปี แล้วนำมาเปรียบเทียบกับปศุสัตว์ไทย บอกได้ว่า มันแสนเศร้าใจ เอาแค่เรื่องไก่ตัวเดียว เราก็แพ้หลุดลุ่ยแล้ว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ เราดีกว่าจีนมาก แต่ทุกวันนี้ ไก่ที่มีชื่อทุกสายพันธุ์ ถูกทางการเข้ามาดูแล อุ้มชู จนกลายเป็น อุตสาหกรรม ไก่พื้นบ้าน เป็นสินค้าส่งออกที่ทำเงินเข้าสู่ประเทศมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นไก่ดำ ไก่สามเหลือง ไก่ไหหลำ ฯลฯหรือกระทั่ง ไก่เผียวจีนี่ด้วยเช่นกัน
|