เว็บไซท์ที่เห็นนี้ เป็นคลิปวีดิโอเกี่ยวกับหัวเรื่องด้านบน ใครจะดูคลิปก่อน หรืออ่านข้อมูลก่อนเลือกเอาตามอัธยาศัยนะครับ แต่ถ้าอ่านเนื้อหาที่ถอดมาจากคลิปก็จะทำให้ดูคลิปได้เข้าใจง่ายกว่า ดีกว่า

คุณ ทราบไหมว่า กว่าจะคว้ารางวัลเหรียญทองไวน์นานาชาติมาได้สำเร็จ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ต้องใช้ความอุตสาหะวิริยะแสนสาหัสสักแค่ไหน? คุณ หยงเจี้ยน (荣建) อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง หลังจากเกษียณจากตำแหน่งหน้าที่หน่วยงานรัฐแล้ว ได้ทำการก่อตั้งโรงงานผลิตไวน์ขึ้น  จุดมุ่งหมายเพื่อผลิตไวน์ดีมีชื่อติดระดับของประเทศจีนเอง ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จนั้น มีเบื้องหลังการดำเนินงานที่ยากเย็นแสนเข็นเช่นไร ใช้เวลายาวนานอีกเท่าไร จึงประสบความความสำเร็จที่ได้มุ่งมาดตั้งใจไว้

ก่อนหน้านี้ คุณหยงเจี้ยน เป็นเจ้าหน้าที่ทั่วไปในหน่วยงานรัฐ ในปี 2,001 ได้รับมอบหมายงานในตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการผลิตไวน์ของประเทศ ในตำแหน่งประธานสมาคมผู้ผลิตไวน์ มีหน้าที่ประสานงานการผลิตไวน์ทั่วประเทศ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์งานการที่เกี่ยวข้องกับไวน์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายสำหรับเขามาก โดยที่เขาตั้งใจไว้ว่าจะผลิตไวน์ประเทศจีนที่ดี มีชื่อโด่งดัง มีคุณภาพเป็นรู้จักกันทั่วโลก และเขาก็ทำได้สำเร็จ

ในความคิดเห็นของคุณ หย่งเจี้ยนนั้น พื้นที่ เฮ่อหลานซานตงลี่ว์ (贺兰山东麓) นครหนิงเซี่ยนั้น เป็นพื้นที่มีศักยภาพเหมาะต่อการปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์เป็นอย่างยิ่ง ในปี 2005 หลังจากที่ได้เกษียณอายุการงานไปแล้ว เขาก็ยังคงช่วยงานการของสมาคมฯอยู่ และยังได้ก่อตั้งกิจการผลิตไวน์ของเขาเป็นการส่วนตัวอีกด้วย เพื่อสานฝันของเขาให้เป็นจริงต่อไป

การได้รับรางวัลเหรียญทองไวน์นานาชาติของเขาครั้งนี้ มิอาจละเลยกล่าวถึงบุคคลผู้หนึ่งเสียไม่ได้ บุคคลท่านนั้นคือ ศาสตราจารย์ หลี่ เต๋อะไหม่ (李 德美) ตำแหน่งอาจารย์ผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์การอาหารแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรกรุงปักกิ่ง  ที่เป็นมือปรุงเหล้าไวน์ให้แก่คุณหย่งเจี้ยน

เฮ่อหลานซานตงลี่ว์ เป็นพื้นภูมิที่แห้งแล้ง อุณหภูมิกลางวัน-กลางคืนแตกต่างห่างกันหลายดีกรี ปริมาณน้ำฝนต่อปีน้อยนิด พื้นดินร่วนปนทรายที่ใคร่ไม่สมบูรณ์นัก ประกอบไปด้วยก้อนกรวดขนาดเล็ก (gravel) ประปนอยู่ทั่วไป ปริมาณน้ำฝนต่อปีไม่เกิน 200 มิลลิเมตร มีแสงแดดสาดส่องประมาณ 3,000 ชั่วโมง มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า Bordeaux อันเป็นแหล่งปลูกองุ่นผลิตไวน์ที่ขึ้นชื่อของฝรั่งเศส ยังความยินดีแก่คุณเจี้ยนและศาสตราจารย์หลี่เป็นยิ่งนัก ส่วนสายพันธุ์องุ่นที่ทั้งสองท่านเลือกปลูกเพื่อผลิตไวน์ (แดง) นั้นหนีไม่พ้นสายพันธุ์ 美乐 (Merlot) และ赤霞 珠 (Cabernet Sauvignon) ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นคู่แฝดที่ทั่วโลกใช้ผลิตไวน์แดงกันโดยทั่วไป

อายุการเก็บเกี่ยวผลผลิตขององุ่นที่จะนำมาผลิตไวน์นั้น มีส่วนสัมพันธ์ที่สำคัญต่อคุณภาพของเหล้าไวน์เป็นอย่างยิ่ง (ขอบอกกล่าว ณ.ที่นี้ด้วยว่า หลังจากนั้นไม่กี่ปีอุตสาหกรรมผลิตไวน์แดงของจีนทั้งหมดได้ปรับเปลี่ยนหันมาใช้องุ่นสายพันธุ์ใหม่ที่จีนทำการปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาเอง สาเหตุเพราะอะไร จะได้กล่าวในโอกาสต่อไป)

คุณหยงเจี้ยนมีความเข้าใจรอบรู้ถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่เป็นอย่างดี ส่วนคุณหลี่ เต๋อะไหม่ มีความรู้ในการหมักบ่มเหล้าอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองได้ทำการพิจารณาและตัดสินใจเลือกสายพันธุ์องุ่นที่จะปลูก ณ.พื้นที่แห่งนี้ (เฮ่อหลานซานตงลี่ว์ / 贺兰山东麓) ควรจะเป็นองุ่นสายพันธุ์ ไหม่เล่อ (美乐 / Merlot กับสายพันธุ์ ชื่อเสียจู (赤霞 珠/ Cabernet Sauvignon) เนื่องจากลักษณะสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกับพื้นที่ปลูกองุ่นผลิตเหล้าไวน์ของฝรั่งเศส และยังเป็นองุ่นสายพันธุ์คู่นิยมที่ใช้ผลิตเหล้าองุ่นอย่างกว้างขวางทั่วโลก อย่างไรก็ตาม คุณภาพของเหล้าไวน์นั้นยังขึ้นอยู่กับอายุเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างแน่นแฟ้นอีกด้วย  

หลักหินที่วางตั้งอยู่หน้าสวนองุ่น มีคำขวัญเขียนไว้ว่า

สวนแห่งความฝัน (园梦) สรรค์สร้างพื้นที่ปลูกองุ่นเพื่อ

ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดในโลก

การดูแลสวนองุ่น

สวนองุ่นบนพื้นที่ราบสูง

ผลพวงองุ่น

ทางเข้าโรงงานผลิตไวน์

ภายในห้องบ่มหมักไวน์

องุ่นที่ปลูกเมื่อเติบโตถึงอายุขัยที่ให้ผลผลิตได้เต็มที่ (ประมาณ 8 ปี) จึงจะมีความแข็งแกร่ง มีความต้านทานต่อสภาพอากาศ สภาพแวดล้อม รากที่พัฒนาชอนไชไปในบริเวณกว้างทั้งแนวราบและแนวดิ่ง สามารถดูดซับเอาแร่ธาตุอาหารในดินได้ในทุกชั้นดิน ที่ส่งผลต่อรสชาติของเหล้าไวน์ที่บ่มหมักอย่างไม่ต้องสงสัย เหล้าองุ่นที่ผลิตขึ้นที่นี่จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของถิ่นที่เพาะปลูกองุ่นแห่งนี้

จากเงื่อนไขข้อกำหนดดังกล่าว ทั้งสองท่านจึงพิถีพิถันในการคัดเลือกผลองุ่นที่จะนำมาผลิตเหล้า ต้องคัดผลพวงองุ่นจากต้นที่มีอายุสิบปีขึ้นไป ซึ่งต้องเริ่มต้นดูแลตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิที่ต้นองุ่นเริ่มแตกรากผลิใบ ตัดแต่งกิ่งก้าน ให้แดดสอดส่องทั่วถึง แต่งช่อคัดผล ให้ผลได้แดดขึ้นสีเข้ม กำจัดวัชพืช เพื่อให้ได้ผลองุ่นที่มีคุณภาพสมบูรณ์เต็มที่ ต้นองุ่นที่มีอายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปแล้วจะให้ผลที่มีคุณภาพถดถอยด้อยลงจึงไม่เป็นที่ต้องการ  เมื่อผลองุ่นเริ่มแก่ ต้องทำการตรวจตราระดับความแก่สุกของผลองุ่น ควรเก็บผลเมื่อไร เวลาไหน เพื่อให้ได้ผลผลิตองุ่นที่มีคุณภาพ ความแก่สุกขององุ่นมีผลต่อคุณภาพของเหล้าองุ่นเป็นอย่างยิ่ง มีคำกล่าวว่า “เจ็ดส่วนปลูก สามส่วนหมัก” (七分种三分酿) เมื่อปลูกได้ดีแล้ว ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการบ่มหมักด้วย องุ่นใช้เวลาหมักในถังโอ๊กอย่างน้อยที่สุด 6 เดือน การใช้ถังโอ๊กหมักเหล้าองุ่นให้คุณภาพที่ดีเนื่องจากการสลายตัวเกิดสารแทนนินเป็นไปอย่างนุ่มนวล ทำให้รสชาติกลมกล่อมและสม่ำเสมอ ด้วยไม้โอ๊กมีสาร vanillin, eugenol, guaiacol และอนุพันธ์ของสารเหล่านี้อันจะช่วยให้การแพร่กระจายของ แทนนิน เป็นไปอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดกลิ่นหอมในเหล้าที่บ่มหมัก ในช่วงระหว่างการหมักนี้  ต้องทำการชิมรสของเหล้าที่ทำการหมักทุกวันและต้องสังเกตถึงระดับของเหล้าที่หมักด้วย เนื่องจากระยะเวลาที่หมักนั้นค่อนข้างยาวนาน เหล้าที่ถูกชิมทุกวัน การดูดซึมของถังโอ๊ก การขจัดสารที่เกิดจากการหมัก และการระเหิดที่เกิดตามธรรมชาติ จะทำให้เหล้าที่หมักบ่มพร่องไปอย่างน้อย 15 เปอร์เซ็นต์ ผู้ชิมรสต้องทำการเติมเหล้าไวน์ให้เต็มตามปริมาตรเดิม และต้องคอยระวังอย่าให้อากาศเล็ดลอดเข้าไปในถังอีกด้วย นอกจากนั้น การกลับถังบ่มหมักก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างหนึ่งด้วย เป็นขบวนการตกตะกอนแยกแยะสารที่อยู่ในถังบ่มหมัก ซึ่งต้องกระทำถึง 4 ครั้งต่อปี การบ่มเหล้าไวน์ในถังโอ๊กไม่ควรบ่มนานเกิน 2 ปี ครึ่ง (โดยทั่วไป 2 ปี) หาไม่แล้วกลิ่นถังโอ๊กจะเข้มข้นกลบกลิ่นไวน์เสียสิ้น จากนั้นก็จะทำการกรอกไวน์ใส่ขวด และบ่มต่ออีกระยะหนึ่ง ดังนั้นไวน์ที่นำมาเสิร์ฟวางตั้งบนโต๊ะอาหาร อย่างน้อยก็ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไป

ไวน์ชุดแรกที่ผลิตขึ้น คุณหย่งเจี้ยนได้นำเข้าประกวดในเวทีประกวดไวน์ใหญ่ๆทั่วทั้งประเทศ (จีน) ผลปรากฏว่าได้กวาดรางวัลสูงสุดเกือบทุกหนแห่ง จึงเกิดความมั่นใจในคุณภาพของเหล้าไวน์ที่ได้ผลิตขึ้น คุณหลี่ เต๊อะไหม่ จึงเล็งการณ์ไกลไปในเบื้องหน้า เพราะเวทีประกวดภายในประเทศมันมันไม่เร้าใจอีกแล้ว ทั้งสองท่านจึงส่งไวน์ที่ผลิตขึ้นไปประกวดบนเวทีโลก แล้วดูผลลัพธ์ว่าจะออกมาเป็นฉันใด  

ดังนั้นในปี 2011 จึงได้ส่งไวน์ที่ผลิตในปี 2009 เข้าประกวดในงานประกวดไวน์ระดับโลก DWWA  ณ.กรุงลอนดอน ปรากฏว่าได้รับรางวัลเหรียญทองสูงสุดกลับมา ท่านประธาน Decanter นาย Steven Spurrier ซึ่งเป็นกรรมการตัดสินด้วยผู้หนึ่งกล่าวว่า “ เมื่อก่อนเมื่อเราเอ่ยถึงประเทศที่ผลิตไวน์ เรามักจะแบ่งออกเป็น ผู้ผลิตโลกเก่า และผู้ผลิตโลกใหม่ ผู้ผลิตโลกใหม่มี อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาร์เจนตินา แต่วันนี้เราต้องบรรจุชื่อ ประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีกประเทศหนึ่งแล้วละ ”

การได้รับรางวัลเหรียญทองในครั้งนี้ ทำให้สถานที่ เฮ่อหลานซานตงลี่ว์ เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ขึ้นชื่อลือชาของจีน

ไวน์เจียไป้หลาน ที่ได้รับรางวัลเหรียญทอง

(ราคาขวดละ 4,600 บาท)

เจียไป้หลาน

โลโกไวน์ เจียไป้หลาน

วารสาร ดีแคนเตอร์

การผลิตเหล้าองุ่น (ไวน์) ต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน และมีความพิถีพิถันมาก จะบกพร่องขั้นตอนใดตอนหนึ่งไม่ได้เลย เพราะจะทำให้ด้อยคุณภาพ เริ่มตั้งแต่นำผลองุ่นเข้าโรงงานเพื่อทำการเหยียบย่ำ (ต้องเหยียบย่ำจึงจะได้ผลที่ดี เขาว่างั้น) จนกระทั่งบรรจุขวดออกจำหน่าย ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ถ้านับรวมตั้งแต่เริ่มปลูกองุ่นเข้าด้วยแล้วละก้อ นานร่วมนับ 10 ปีเลยทีเดียว ดังนั้นราคาเหล้าองุ่นที่มีชื่อคุณภาพดี จึงมีราคาแพงเอาการ (ที่ราคาแพงน่าจะเป็นด้วยการใช้เวลาผลิตที่ยาวนาน จึงต้องจ่ายค่าเสียเวลาในการผลิตด้วยนั่นเอง ถือเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาส เหมือนกับการปลูกพรรณไม้ขายนั่นเอง) และไวน์ชุดที่ชนะเลิศการประกวดเวทีโลกแล้วนั้น ยิ่งมีราคาสูงขึ้นไปอีก อย่างเช่นไวน์ที่จีนผลิตขึ้นในปี 2009 และส่งประกวดในปี 2011 นั้น มีการเคาะประมูลขายกันในราคาถึงขวดละ 5,350 หยวนเลยทีเดียว (ประมาณ สามหมื่นบาท)

เหล้าไวน์แดงที่ได้รับรางวัลเหรียญทองนั้น เป็นไวน์ของบริษัทจำกัด หนิงเซี่ยเฮ่อหลานชิงเสวี่ยจิ่วจวงโหย่วเซี่ยนกงซือ (宁夏贺兰晴雪酒庄有限公司) และยังมีไวน์ขาว เสียตวัวลี่ (霞多丽) ของบริษัทจำกัด เฮ่อหลานซานผูถาวจิ่วโหย่วเซี่ยนกงซือ (贺兰山葡萄酒有限公司) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน และไวน์ขาว เหลยซือลิ่ง (雷司令) ได้รับรางวัลเหรียญทองแดงอีกด้วย

Decanter (品醇客) เป็นวารสารที่มีชื่อและทรงอิทธิพลทางด้านไวน์ของประเทศอังกฤษ จะทำการจัดแข่งขันประกวดเหล้าไวน์ขึ้นทุกๆปี โดยใช้การชิมไวน์ในแบบ Blind Wine Review (ตัวอย่างไวน์จะไม่บอกรายละเอียดใดๆทั้งสิ้น ต่อเมื่อผลการแข่งขันเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะเปิดเผยว่า เป็นไวน์ชนิดไหน ชื่ออะไร บริษัทใด ประเทศไหนเป็นผู้ผลิต เพื่อป้องกันความลำเอียงที่จะเกิดขึ้น) โดยให้มือชิมระดับมืออาชีพจาก 23 ประเทศ จำนวน 159 ท่านเป็นคณะกรรมการชิมลิ้มรสไวน์ที่ส่งเข้าประกวด การทดสอบจะกระทำกันถึง 4 ซ้ำ (ครั้ง) ในปีที่จีนส่งไวน์เข้าประกวดเป็นครั้งแรกนี้ และได้รับรางวัลสูงสุดเหรียญทองกลับมานี้ มีผู้ผลิตไวน์ส่งไวน์เข้าประกวดทั้งสิ้น 46 ประเทศ และมีตัวอย่างเหล้าไวน์รวม 12,000 ตัวอย่าง ดังนั้นการได้รับรางวัลเหรียญทองเป็นครั้งแรกนี้ ถือเป็นเกียร์ติประวัติที่น่าปลาบปลื้มใจของชาวจีนทั้งประเทศเลยทีเดียว

1. 长城                              ฉางเฉิง
2. 张裕                              จางหยู่
3. 王朝                              หวางฉาว
4. 通化                              ทงฮว่า
5. 威龙                              ไวหลง
6. 新天                              ซินเทียน
7. 丰收                              เฟิงเซา
8. 云南红                           อยิ๋นหนานหง 
9. 香格里拉                        เซียงเกอหลี่ลา
10. 华夏五千年                     ฮว๋าเซี่ยอู่เชียนเหนียน  (ยี่ห้อนี้น่าสนใจนะครับ ฮว๋าเซี่ย ห้าพัน ปีเชียวนะ  แต่คิดว่าคงเป็นชื่อไวน์เสียมากกว่า ไม่ใช่อายุไวน์หรอกครับ)

ทั้ง 10 รายการนี้ ถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคอไวน์ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศจีน และต้องการซื้อไวน์ที่มีอันดับติดมือกลับบ้านเรา (ประเทศไทย)