ดังนั้นอย่าได้ตื่นตาตื่นใจกับการผลิตหนอนแมลงวัน เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ที่ฟาร์มสาธิตแห่งนี้ ที่ผลิตหนอนแมลงวันได้ถึงวันละ ตันเศษๆ (พันกว่ากิโลกรัม) จากโรงเรือนขนาดใหญ่ที่ติดมุ้งลวดมิดชิด เพื่อป้องกันแมลงวันข้างในเล็ดลอดออกนอก และแมลงวันจากภายนอกมุดบินเข้าใน ด้วยแมลงวันที่เลี้ยงเพื่อผลิตตัวหนอนนั้น เป็นแมลงวันบ้านสายพันธุ์พิเศษปลอดเชื้อ ที่สามารถสร้างสารเป๊ปไทด์และสารไคตินภายในตัวแมลงวันเองได้ อนึ่งนักวิชาการกล่าวว่า สารแอ๊กทีฟเป๊ปไทด์นี้มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อโรคได้สูงกว่า สารเพ็นนิซิลลินถึง 900 เท่า ของเสป็คตรัมแสงเลยทีเดียว ดังนั้นในอาหารตัวหนอนที่ใช้เลี้ยงสัตว์จึงไม่จำเป็นต้องเสริมสารปฏิชีวนะอื่นใดๆ อีกทั้งสารไคตินนั้นยังสามารถสร้างภูมิต้านทานของร่างกายได้ดี สัตว์เลี้ยงที่ได้รับหนอนแมลงวันจึงมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี
ตัวโรงเรือนที่ใช้เลี้ยงแมลงวันนั้น ส่วนที่เป็นช่องลมให้อากาศถ่ายเทได้นั้น ติดตั้งมุงลวดอย่างมิดชิดภายในโรงเรือนจัดให้แสงสลัวๆพอมองเห็น วัตถุที่ใช้เลี้ยงแมลงวันเพื่อผลิตตัวหนอนนั้นเป็นมูลสัตว์จากภายในฟาร์ม (ขี้หมู ขี้ไก่) มีกากน้ำตาล ส่าเหล้า และกากธัญพืชที่หีบอัดเอาน้ำมันออกไปแล้วเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่บอกว่า มูลสัตว์เหล่านี้ ยังมีโปรตีนที่ย่อยไม่หมดหลงเหลืออีกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นโปรตีนที่สัตว์สองขา สี่ตีนย่อยไม่ได้ แต่แมลงวันมีน้ำลายที่สามารถย่อยโปรตีนเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังสามารถฆ่าเชื้อได้อีกด้วย นอกเหนือจากวัสดุเหล่านี้แล้ว ยังเสริมแป้งนม น้ำตาล และน้ำให้กับแมลงวันเหล่านี้อีกด้วย
ไก่ไข่ที่เลี้ยงไว้ 1 ตัว ต้องป้อนตัวหนอนให้ 40 กรัมต่อวัน (ประมาณ 3,000 ตัว) หมูตัวหนึ่งกินตัวหนอน 500 กรัม ถึง 750 กรัม (ตามขนาดน้ำหนักตัว) หมูที่เลี้ยงจนได้น้ำหนักส่งโรงเชือด ต้องใช้ตัวหนอนประมาณ 60 กิโลกรัม ปัจจุบัน ที่ฟาร์มสาธิตแห่งนี้มีไก่ไข่ 1,000 ตัว หมูขุน 40 ตัว คาดว่าในรอบหนึ่งปีจะมีผลผลิตไข่ 252,000 ฟอง และเนื้อสุกรประมาณ 30 ตัน
อนึ่ง การเลี้ยงสัตว์ดังกล่าวเป็นการสาธิตให้เกษตรกรเข้าใจถึง เกษตรวัฎจักร ที่นำเอามูลสัตว์ไปเพาะเลี้ยงตัวหนอน แล้วใช้หนอนเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ มูลสัตว์ที่ได้จากการเลี้ยงด้วยตัวหนอนแล้วนั้น นำไปใช้เป็นปุ๋ยสำหรับพืชผักที่ปลูกได้อย่างดี ถือเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสุดๆ
|