สวี ไหว่จง (徐 伟忠) หากจะเรียกขานชื่อแซ่อย่างที่คนไทยเราคุ้นเคยก็คือ คุณไหว่จง แซ่สวี นั่นเอง การอ่านออกเสียงแซ่นั้น ให้อ่าน ส. กับ ว. ควบกล้ำกันว่า สวี อย่าได้อ่านเป็น สะหวี นะครับ เดี๋ยวคนจีนเขาจะเป็นงงเอา อาอายุ 41 ปี เชื้อสายชาวฮั่น เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิค และเข้าศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาทางด้านพืชสวนจากโรงเรียนเกษตร ลี่สุ่ย (丽水 / เมืองๆหนึ่งของมณฑลเจ้อเจียง) จากประวัติการเรียนในวัยเด็ก สวี เป็นคนเรียนไม่เก่ง ต้องสอบซ่อมอยู่บ่อยครั้ง แต่มีความสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
ของพืชเป็นอย่างยิ่ง เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ทุ่มศึกษาวิจัยงานทางด้านนี้อย่างหามรุ่งหามค่ำ ในปี 1990 – 1995 สมัครเข้ารับราชการที่ ตำบล ปี้เหอ () จังหวัดจิ้นอยีน (缙云) จวบจนกระทั่งปี 1995 – 2002 ได้ผลักดันให้ก่อตั้งสำนักงานเทคโนการเกษตรแห่งเมือง จิ้นอยีน ขึ้น หลังจากนั้นได้โยกย้ายไปทำงานที่ สำนักงานการเกษตรแห่งเมืองลี่สุ่ย ในกลางปี 2002 ปัจจุบันรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยขยายพันธุ์พืชประยุกต์ ได้รับเลือกเป็น ยุวเกษตรตัวอย่าง จากการเป็นหัวหอกในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่เกษตรกร และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบ ยุวเกษตรหนุ่มสาวดีเด่น รอบปีที่ 5 ที่จัดขึ้นในปี 2004 จนกระทั่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นนายกสมาคมผู้นำเกษตรกรแห่งเมือง ลี่สุ่ย เป็นผู้อำนวยการสมาคมยุวชนเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ แห่งมณฑลเจ้อเจียง เป็นผู้เชี่ยวชาญการเกษตร และเป็นกรรมการสมาพันธ์ยุวชนหนุ่มสาว – ผู้นำแบบอย่างการสร้างสรรค์ธุรกิจแห่งเมืองลี่สุ่ย และในเวทีโลกนั้น ผลงานของเขานั้นโด่งดังจนกระทั่ง กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า โกลด์แมน แซคส์ (高盛集团-GOLDMAN SACHS GROUP INC) ได้ติดต่อทาบทามให้ไปเป็น CEO ฝ่ายเทคโนโลยี กินเงินเดือน เดือนละ 2 ล้านบาท แต่ .. สวี ไหว่จง ได้ตอบปฏิเสธไป ท่านเป็นคนถ่อมตน ไม่ถือตัว อยู่อย่างง่ายๆ แต่งกายง่ายๆ จนบางครั้งผู้เข้าพบเข้าใจว่าท่านเป็นคนงานด้วยซ้ำไปก็มี แต่สิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมยกย่องก็คือ ท่านมิได้หวงวิชาที่คิดค้นวิจัยแม้แต่น้อย ท่านเสียสละเวลา ทุนทรัพย์ ให้การอบรม ให้การเรียนรู้แก่เกษตรกร และผู้ที่สนใจโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (ผมได้ไปศึกษาอบรมที่ศูนย์ ลี่สุ่ยซื่อ เป็นเวลา 4 วัน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ประทับใจในการวางตัวของท่านมาก เป็นกันเอง ผิดกับนักวิชาการไทยเราบางคนที่ชอบวางตัวราวกับเทวดา)
ในช่วงระยะเวลาแค่ปีเศษๆ สวี ไหว่จงได้คิดค้นเทคนิคการขยายพันธุ์พืชในแนวทางอุตสาหกรรม (ขยายพันธุ์พืชได้จำนวนมากๆ ในเวลาที่สั้นๆ) ที่เรียกว่าการโคลนนิ่ง อันเป็นวิธีการจำลองพันธุ์โดยวิธีง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หลอดทดลองเหมือนกับการปั่นเนื้อเยื่อในห้องปฏิบัติการ เป็นการจำลองพันธุ์ในสภาพกลางแจ้งที่ดูผิวเผินเหมือนกับการเพาะชำธรรมดา แต่มีประสิทธิภาพที่สูงกว่ากันมาก สามารถผลิตต้นพันธุ์กล้าได้คราวละมากๆ โดยใช้เวลาที่น้อยกว่ากันมาก สามารถเพาะชำกล้าไม้ที่เกิดรากได้ยากยิ่งยวดที่ต้องอาศัยการปั่นเนื้อเยื่อเท่านั้น แต่สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยวิธีการจำลองพันธุ์ในสภาพกลางแจ้ง ตัวอย่างเช่น การขยายพันธุ์ต้น หงเต้าซาน (红豆杉) ที่ปกติเพาะต้องใช้เวลาร่วมปีกว่าจะได้ต้นกล้าเพียง 25 ต้นจากจำนวนร้อยเท่านั้น แต่อาศัยหนทางการจำลองพันธุ์นี้แล้ว ใช้เวลาแค่ 25 วันก็ได้กล้าพันธุ์กว่า 90 % เลยทีเดียว (ต้นหงเต้าซานเป็นพืชอนุรักษ์ชั้น 1 ของประเทศจีน สารสกัดจากใบนำมาผลิตเป็นยาต้านมะเร็งเต้านมที่ได้ผลดีเยี่ยม) ปัจจุบันมีการปลูกกันอย่างกว้างขวางเหมือนกับการปลูกชาบนเขาเป็นลูกๆเกือบทั้งเมืองเลยทีเดียว สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างล้นเหลือ ถือเป็นผลงานที่มีคุณค่าต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ สวี ไหว่จง ยังได้คิดค้นเทคนิคการปลูกพืชในน้ำโดยการชักนำให้พืชเกิดระบบรากที่ดูดซับอากาศในน้ำได้ด้วยตนเอง (ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องป้อนอากาศดังที่กระทำกันในการปลูกพืช ไฮโดรโปนิค) / ประดิษฐ์สมองกล (คอมพิวเตอร์) ที่ใช้ควบคุมปัจจัยภายในโรงเรือนเพาะชำ / ประดิษฐ์ระบบการป้อนอาหาร (ปุ๋ย) และน้ำในการเพาะปลูก / คิดหาวิธีการเพาะกล้าอ่อนที่ใช้ในการบริโภค (อย่างเช่นถั่วงอก เต้าเหมียว วีดแกรส เป็นต้น ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว ชาวจีนมิได้บริโภคต้นอ่อนของพืชที่ผลิตจากเมล็ดถั่วอย่างถั่วงอกที่บ้านเรานิยมกินกันชนิดเดียว แต่มีการบริโภคต้นอ่อนของพืชหลากหลายชนิดกว่านั้น เอาไว้มีเวลาแล้วจะนำไปกิน อ๊ะ ... มิได้ นำไปดูทางเน็ตนะครับ) ด้วยวิถีทางที่ชาญฉลาด (ระบบอัตโนมัตินั่นเอง) / การปลูกพืชในระบบท่อ / ประดิษฐ์เครื่องสร้างสนามพลังแม่เหล็ก / สร้างระบบการถ่ายทอดความรู้ทางการเกษตรทางไกล (ทางอินเตอร์เน็ตนั่นแหละ) / สร้างระบบการเพาะปลูกพืชด้วยการพ่นอาหารพืชเหลวในรูปละอองฝอยโดยตรงแก่ระบบรากพืชที่ควบคุมขบวนการผลิตพืชด้วยน้ำในเชิงพาณิชย์ / วางแนวทางในการจัดการพืชผักผลไม้อย่างเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ / จัดตั้งระบบการจัดการ - ดูแลสนามหญ้า - ไม้ดอก – ไม้ประดับภูมิทัศน์ในตัวเมือง / ระบบการฉีดพ่นยาอันชาญฉลาดในสวนองุ่น / ประดิษฐ์ ใบไม้เทียม ที่ส่งถ่ายข้อมูลปัจจัยความต้องการของต้นพืชในการขยายพันธุ์และการเพาะปลูก รวมทั้งการเพาะปลูกที่เรียกว่า 超声波气体植物组织培养技术 (เทคนิคการป้อนสารละลายอาหารพืชในรูปของไอละเหยโดยใช้อุปกรณ์สร้างไอที่มีความถี่เหนือเสียงที่เรียกว่า ไอเย็น นั่นเอง) ผลงานของท่าน สวี ไหว่จง ช่างมากมายและใช้ในเวลาที่แสนสั้น น่าทึ่ง ผลงานล่าสุดนั้นก็ได้ไอเดียจากสนามกีฬา รังนก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆนี้นี่เอง ด้วยการจัดสร้างโรงเพาะชำเป็นโครงข่ายเหล็กเลียนแบบ โดมรังนก แต่ทว่าเป็นโดมรูปทรงกลม ที่ใช้ฟองอากาศเป็นตัวควบคุมปริมาณความเข้มของแสง (เอ ชักงงแล้วสิเรา) เป็นอย่างไร ติดตามผมมาแล้วกัน แล้วจะได้รู้ว่า อะไรกันแน่ แน่จริงหรือ หรือแน่ไม่จริง ก็จะได้รู้กันอย่างแน่นอน
สวี ไหว่จง (徐 伟忠) หากจะเรียกขานชื่อแซ่อย่างที่คนไทยเราคุ้นเคยก็คือ คุณไหว่จง แซ่สวี นั่นเอง การอ่านออกเสียงแซ่นั้น ให้อ่าน ส. กับ ว. ควบกล้ำกันว่า สวี อย่าได้อ่านเป็น สะหวี นะครับ เดี๋ยวคนจีนเขาจะเป็นงงเอา อาอายุ 41 ปี เชื้อสายชาวฮั่น เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิค และเข้าศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาทางด้านพืชสวนจากโรงเรียนเกษตร ลี่สุ่ย (丽水 / เมืองๆหนึ่งของมณฑลเจ้อเจียง) จากประวัติการเรียนในวัยเด็ก สวี เป็นคนเรียนไม่เก่ง ต้องสอบซ่อมอยู่บ่อยครั้ง แต่มีความสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการ
ของพืชเป็นอย่างยิ่ง เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ทุ่มศึกษาวิจัยงานทางด้านนี้อย่างหามรุ่งหามค่ำ ในปี 1990 – 1995 สมัครเข้ารับราชการที่ ตำบล ปี้เหอ () จังหวัดจิ้นอยีน (缙云) จวบจนกระทั่งปี 1995 – 2002 ได้ผลักดันให้ก่อตั้งสำนักงานเทคโนการเกษตรแห่งเมือง จิ้นอยีน ขึ้น หลังจากนั้นได้โยกย้ายไปทำงานที่ สำนักงานการเกษตรแห่งเมืองลี่สุ่ย ในกลางปี 2002 ปัจจุบันรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยขยายพันธุ์พืชประยุกต์ ได้รับเลือกเป็น ยุวเกษตรตัวอย่าง จากการเป็นหัวหอกในการสร้างความมั่งคั่งให้แก่เกษตรกร และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบ ยุวเกษตรหนุ่มสาวดีเด่น รอบปีที่ 5 ที่จัดขึ้นในปี 2004 จนกระทั่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นนายกสมาคมผู้นำเกษตรกรแห่งเมือง ลี่สุ่ย เป็นผู้อำนวยการสมาคมยุวชนเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ แห่งมณฑลเจ้อเจียง เป็นผู้เชี่ยวชาญการเกษตร และเป็นกรรมการสมาพันธ์ยุวชนหนุ่มสาว – ผู้นำแบบอย่างการสร้างสรรค์ธุรกิจแห่งเมืองลี่สุ่ย และในเวทีโลกนั้น ผลงานของเขานั้นโด่งดังจนกระทั่ง กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า โกลด์แมน แซคส์ (高盛集团-GOLDMAN SACHS GROUP INC) ได้ติดต่อทาบทามให้ไปเป็น CEO ฝ่ายเทคโนโลยี กินเงินเดือน เดือนละ 2 ล้านบาท แต่ .. สวี ไหว่จง ได้ตอบปฏิเสธไป ท่านเป็นคนถ่อมตน ไม่ถือตัว อยู่อย่างง่ายๆ แต่งกายง่ายๆ จนบางครั้งผู้เข้าพบเข้าใจว่าท่านเป็นคนงานด้วยซ้ำไปก็มี แต่สิ่งหนึ่งที่ควรชื่นชมยกย่องก็คือ ท่านมิได้หวงวิชาที่คิดค้นวิจัยแม้แต่น้อย ท่านเสียสละเวลา ทุนทรัพย์ ให้การอบรม ให้การเรียนรู้แก่เกษตรกร และผู้ที่สนใจโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (ผมได้ไปศึกษาอบรมที่ศูนย์ ลี่สุ่ยซื่อ เป็นเวลา 4 วัน เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ประทับใจในการวางตัวของท่านมาก เป็นกันเอง ผิดกับนักวิชาการไทยเราบางคนที่ชอบวางตัวราวกับเทวดา)
คณะกรรมการพิจารณาผลงานประดิษฐ์คิดค้นทางการเกษตรได้พิจารณาผลงานของท่าน สวี ไหว่จง และสรุปผลเห็นต้องพ้องกันว่า เทคนิคการขยายพันธุ์พืชโดยการจำลองพันธุ์โดยไม่ต้องใช้หลอดทดลองนั้น เป็นผลงานที่ก้าวล้ำนำยุคของประเทศ (จีน) สมควรได้รับรางวัลยอดเยี่ยมเทคโนโลยีก้าวหน้าแห่งเมืองลี่สุ่ย ได้รับรางวัลผลงานดาวรุ่งของประเทศอีกด้วย อีกทั้งผลงานชิ้นนี้ยังได้รับการประเมินคุณค่าของงานวิจัยค้นคว้าจากคณะกรรมการทรงคุณวุฒิของประเทศว่ามีมูลค่าสูงถึง 700 ล้านบาทเลยทีเดียว และผลงาน ระบบสมองกลควบคุมปัจจัยในโรงเรือนเพาะชำนั้น ได้รับการยกย่องเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ก้าวหน้าในงานนิทัศน์การเทคโนโลยีใหม่ครั้งที่ 3 ที่ได้รับการสนับสนุนผลักดันให้นำไปใช้กันทั่วประเทศอีกด้วย
งานวิจัยคิดค้นทั้งหมดของท่านนั้น เมื่อนำมาประยุกต์ใช้แล้ว ก่อให้เกิดผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร มะเขือเทศต้นหนึ่งให้ผลผลิตมากถึงหมื่นกว่าผล ฟักทองมีขนาดใหญ่น้ำหนักสูงร่วม 150 กิโลกรัม แตงกวาเถาหนึ่งให้ผลเก็บเกี่ยว
|