เมื่อเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้ได้ทำการปลูกถั่วเหลืองซ้ำๆซากๆมาเป็นเวลาร่วม 20 ปี เหล่าเกษตรกรที่นี่ต่างลงความเห็นว่า ควรจะเปลี่ยนไปปลูกพืชไร่อย่างอื่นแทนดู ข้าวโพดคือพืชทางเลือกใหม่ที่เห็นว่าได้ราคาดี และคาดว่าจะสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นกับถั่วเหลืองที่ปลูกได้ แต่ทว่า แม่เจ้าเอย ผลที่ปรากฏมันหนักหนาสาหัสกว่าปลูกถั่วเหลืองเสียอีก ข้าวโพดที่หว่านปลูกลงดิน เมื่อแทงยอดผลิใบไม่กี่ใบก็พลันซีดขาวชะงักงัน แคระแกร็นไปทั้งแปลงปลูก ไม่เติบไม่โตให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย เกษตรกรที่นี่จึงต้องทนกัดฟันหันกลับมาปลูกถั่วเหลืองที่ให้ผลผลิตน้อยดังเดิม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับแปลงปลูกพืชไร่ทั้งสามแห่งนั้นเป็นเพียงเล็กน้อยส่วนหนึ่งที่หยิบยกมาบอกกล่าวเท่านั้นเหตุการณ์ที่เหมือนๆกันนี้ ปรากฏให้เห็นทั่วไปในพื้นที่เพาะปลูกของประเทศจีน หนักบ้าง เบาบ้าง ขึ้นอยู่กับการใช้สารควบคุม – กำจัดวัชพืชมากหรือน้อยกว่ากันเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ อยู่ในความสนใจของเกษตรกรนายหนึ่งในมณฑลเหอหนาน (河南) นามว่า ตั่ง หย่งฝู (党永富คุณรวยไม่เลิก) ที่ได้ติดตามผลที่เกิดขึ้นหลังการใช้สารกำจัดวัชพืชมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องของเรื่องนั้นเป็นดังนี้
เมื่อปี 1997 พี่ชายของตั่ง หย่งฝู เข้าไปทำงานในเมืองซีอัน (西安) เมื่อกลับมาบ้าน ได้ซื้อเอายากำจัดวัชพืชติดมือกลับมาให้น้องชายที่ทำไร่อยู่ที่บ้านได้ใช้เป็นการประหยัดเวลาและแรงงาน (เวลานั้นประเทศจีนเพิ่งผลิตยากำจัดวัชพืชได้ สองสามชนิดใหม่ๆ) ตั่ง หย่งฝู ครุ่นคิดอยู่เรื่อยมาว่า ยากำจัดวัชพืชสามารถฆ่าทำลายล้างต้นหญ้าได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อพืช (ประธาน) ที่ปลูกไม่มากก็น้อย เนื่องจากทั้งหญ้าและพืชที่ปลูกนั้นต่างก็เป็นต้นพืชด้วยกันทั้งคู่ คุณตั่งมิได้คิดเปล่า ยังได้ทำการทดลองเปรียบเทียบดูผลลัพธ์อีกด้วย จากการเฝ้าสังเกตุและทดสอบ คุณตั่งฟันธงลงไปเลยว่า ปรากฏการณ์สร้างความเสียหายกับต้นพืชนั้นเกิดจากพิษยากำจัดวัชพืชที่ต้นพืชได้รับโดยตรง (ฉีดพ่น) และจากการที่พืชดูดซับเอาสารพิษที่ตกค้างสะสมในดินเป็นเวลานานสิบๆปีเข้าสู่ลำต้น ทำให้เป็นพิษเหี่ยวเฉาแห้งตาย และคุณตั่งก็มิได้เอาแต่เฝ้าสังเกตุเพียงอย่างเดียว แต่ได้เพียรพยายามหาวิธีแก้พิษล้างไต (โทษครับ คนละเรื่องแล้วละครับ นั่นมันเรื่องของคน) แก้พิษล้างยา มุ่งมั่นเอาการเอางานร่วม ยี่สิบปี จึงประสบความสำเร็จในการคิดค้นหาสารมาย่อยสลายพิษยากำจัดวัชพืชที่ต้นพืชได้รับ (ทั้งจากการฉีดพ่นฆ่าหญ้าในแปลงปลูก และที่ต้นพืชดูดซับเอาจากในดิน) เกษตรกรที่ประสบปัญหาทั้งสามท่าน (คุณหวัง คุณจาง และคุณตู้) ได้นำไปใช้ ปรากฏว่าได้ผลอย่างดียิ่ง
เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้ประจักรเห็นจริง ได้มีการทดสอบในแปลงปลูกข้าวสาลี พบว่าแปลงที่ฉีดยาฆ่าหญ้าร่วมกับสารแก้พิษนั้นมีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่า สาม ถึง ห้าเท่าตัวเลยทีเดียว ทั้งนี้สอดคล้องเป็นจริงที่เห็นได้ชัดเจนในห้องปฏิบัติการ (ต้นข้าวโพดที่ทดลองปลูกเปรียบเทียบในกระถาง เติบโตเร็วผิดกัน) ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การที่เราใช้สารควบคุม – กำจัดวัชพืชกับพืชที่เราปลูกนั้น มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตโดยมิต้องสงสัย แปลงปลูกพืชที่ใช้สารย่อยสลายพิษยาฆ่าหญ้านั้น สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นราวๆ สิบเปอร์เซ็นต์
แล้วสารย่อยสลายพิษสารกำจัดวัชพืชนี้คือสารอะไรกัน จึ่งให้ผลดีปานนั้น คุณเฉียว ฉวนลิ่ง (乔 传令 / นักวิจัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยผลกระทบสารพิษตกค้างในสภาพแวดล้อม) กล่าวว่า สารย่อยสลายพิษที่ว่านี้เป็น น้ำย่อย (enzime) ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเร่งปฎิกริยา (catalytic) ทำให้สารมีการสลายตัวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (จากสารเป็นพิษเปลี่ยนเป็นสารที่ไร้พิษ) แล้วได้ผลจริงหรือ ? เรามาดูกัน นักวิชาการได้นำเอาเหยือกแก้วมา 2 ใบ ใส่น้ำสะอาดลงไปในระดับเท่าๆกัน เติมสารพิษลงไปทั้งสองเหยือก แต่อีกเหยือกหนึ่งนั้นได้เติมสารย่อยสลายพิษลงไปเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง ทำการคนให้เข้ากัน (แล้วอย่างไรต่อไป) ก็เอาปลาทองหย่อนใส่ลงไปเหยือกละสองตัว เวลาล่วงไปหนึ่งชั่วโมง ปลาก็ยังอยู่ดี (ไม่มีปัญหา ฮ่ะ ฮ่ะ) ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ปลาในหยือกที่มีแต่สารพิษเริ่มออกอาการ (แคร่กๆ บุ๋งๆ หายใจไม่ออกน่ะครับ) เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงที่สาม ปลาทองในเหยือกก็สงบ
แน่นิ่ง (คร่อกๆ ผมตายกับพิษยาฆ่าหญ้าน่ะครับ ผมสองตัวขอลาไปก่อนนะครับ พบกันใหม่ถ้าเปิดดูคลิปซ้ำ)
คุณตั่งกล่าวว่า อย่าได้ละเลยดูดายตัวเลขผลผลิตที่ขาดหายไป สิบเปอร์เซ็นต์ที่ขาดหายไปอันเกิดจากผลกระทบของสารกำจัดวัชพืชนั้นมิใช่เรื่องเล็กๆเลยนะท่าน ประเทศจีนมีการใช้สารกำจัดวัชพืชปีหนึ่งๆร่วม หนึ่ง1,500 ล้านโหม่ว (ประมาณ 670 ล้านไร่) ถ้าผลผลิตที่ได้ต่อโหม่วเท่ากับหนึ่งร้อยชั่ง ส่วนที่ขาดหายไป 10 เปอร์เซ็นต์นั้นเท่ากับ 150 ล้านชั่งเลยทีเดียว (ประมาณ 250 ล้านกิโลกรัม) สามารถเลี้ยงดูประชากรได้ร่วมสี่ล้านคนสบายๆ
เมื่อดูคลิปวิดีโอเรื่องนี้จบแล้ว ให้หวนกลับมามองการเกษตรในบ้านเราบ้าง สถานการณ์การเพาะปลูกในประเทศไทยก็คงคล้ายคลึงกับประเทศจีน ที่การเพาะปลูกในยุคนี้ต้องอิงกับสารเคมีทางการเกษตรอย่างแนบแน่นจนฝังใจเกษตรกรค่อนประเทศ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันจนไม่รู้จะแก้ไขกันอย่างไร การเพาะปลูกทุกวันนี้ทำกันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ หากไม่ใช้สารควบคุม – กำจัดวัชพืช ใช้เพียงกำลังคนป้องปราบก็จะทำให้การงานล่าช้าจนไม่ทันการ ความเสียหายก็บังเกิด อีกทั้งยังเพิ่มต้นทุนการผลิตอีกหลายเท่าตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อรู้สาเหตุที่ก่อความเสียหายแล้ว ไม่ดิ้นรนหาทางแก้ไขผ่อนปรนให้ทุเลาลงก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย (หน่วยงานที่รับผิดชอบ) เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสารกำจัดวัชพืชนี้จะสะสมทับถมทวีหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เราก็จะสูญเสียทรัพยากรณ์แผ่นดินที่ล้ำค่าผืนนี้ไป ทำกการเพาะปลูกไม่ได้อีกต่อไป นั่นคือหายนะที่น่าสรึงกลัวยิ่ง ถึงแม้เราจะคิดค้นหาเจ้าสิ่งที่จะนำมาแก้ไขปัญหาเองไม่ได้ แต่ในเมื่อมีผู้คิดค้นนำมาใช้งานได้ และยินดีที่จะแบ่งปันให้เรานำมาใช้ แล้วเราจะอยู่นิ่งเฉยอยู่อีกฤา ?
สารย่อยสลายพิษสารกำจัดวัชพืชที่คิดค้นขึ้นนี้ สามารถใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่เติมร่วมกับยาฆ่าหญ้าที่จะฉีดพ่น วัชพืชก็จะถูกทำลายตายไปตามฤทธิ์ยา และสารนี้ยังเข้าไปสลายพิษที่ได้รับจากการฉีดพ่นครั้งนี้ด้วยเช่นกัน นอกเหนอจากนี้แล้ว ยังทำการสลายพิษที่ตันพืชดูดซับเข้าสู่ลำต้นจากพื้นดินได้อีกด้วยโสดหนึ่ง (ช่างดีอะไรเช่นนี้) และที่เห็นเป็นประโยชน์เป็นที่ยิ่งก็คือ การปลูกพืชหุนเวียนสลับกันระหว่างพืชไร่ใบเลี้ยงคู่กับพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ที่สามารถสลับปลูกได้โดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป
หมายเหตุ
สิ่งดีๆเช่นนี้ เรา (หจก. ยะลาทักษิณาวัฒน์) คงไม่ละเลยเป็นแน่ จะสืบหานำมาให้เกษตรกรไทยได้ใช้แก้ปัญหาดินเสื่อมเสียอย่างแน่นอน
|