แรกๆที่เขาตัดสินใจดำเนินโครงการนี้นั้น ทุกคนต่างก็ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะน้องชายเขา จ้าว หย่งหมิง (赵永明) แต่เขาก็ดันทุรังจนทุกคนต้องยอม หาไม่แล้ว เขาจะฆ่าตัวตาย (ปณิธานแน่วแน่ดังหินผา) และท้ายที่สุดหลังจากได้มีการประชุมที่ทุกคนต้องจดจำไปจนวันตาย นั่นก็คือระหว่างประชุม ไม่อนุญาตให้ใครออกไปไหนทั้งสิ้น จนลุถึงวันที่สอง ข้าวน้ำก็ไม่จัดให้กิน จ้าวบอกว่าจะไม่เลิกประชุมจนกว่าทุกคนต้องลงมติเห็นด้วยกับเขา ในที่สุดทุกคนต้องยอมตาม เมื่อได้รู้ว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ เป็นความตั้งใจที่เขาต้องทำให้สำเร็จก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เขากล่าวว่า “คุณอาจจะมีอายุยืนยาวถึงร้อยปี คุณอาจจะร่ำรวยมีเงินมีทองถึงแสนล้าน แต่เมื่อคุณจากโลกนี้ไป คุณเอาอะไรไปได้บ้าง แล้วคุณได้ทำอะไรไว้บ้างในยามที่คุณมีชีวิตอยู่ เงินทองที่คุณหามาได้ มันจะเกิดประโยชน์อะไร ? ”(你活一生啥都没干,活了100岁存了100个亿,最后走了,百年之后怎么给你介绍生平呀,谁谁谁活了100岁,存款100亿,第三句话死了,就这样没有干啥)
จ้าวได้ชักชวนเกษตรกรยากจนที่อาศัยอยู่ถิ่นที่ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า เฟิงกานเกอเหลียง (风干圪梁 / ที่มีความหมายว่า หลุมแล้งแห้ง) ไปอยู่หมู่บ้านใหม่ที่เขาสร้างขึ้น และได้เปลี่ยนชื่อสถานที่แห่งนี้ใหม่ให้เป็นมงคลว่า เฟิงสุ่ยเหลียง (风水梁 / ขื่อคานแห่งฮวงจุ้ย / หมายถึงสถานที่ดีตรงตามหลักฮวงจุ้ย) และแล้วในปี 2006 เดือนกันยายนบ้านพักที่อยู่อาศัยชุดแรกก็แล้วเสร็จ ประกอบไปด้วยพื้นที่ 24 ตารางเมตร และโครงการบ้านพักชุดที่ 2 ก็แล้วเสร็จในปี 2007 ชุดที่ 3, 4 ... ก็ทยอยแล้วเสร็จต่อเนื่องกันไปจนกระทั่งชุดที่ 9 จ้าวได้ป่าวประกาศชักชวนให้เกษตรกรที่ยากจนทั่วทั้งประเทศอพยพมาอยู่ที่หมู่บ้านเกษตรแห่งท้องทะเลทรายที่เขาจัดสร้างขึ้น พร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านครบครัน ยกบ้านให้ฟรีๆ แถมยังจัดหาอาชีพให้ทำ ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ผู้คนต่างก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง ประชาชนจากมณฑลกว่า 12 มณฑลได้เดินทางมาดูข้อเท็จจริง ผู้โดยสารที่เดินทางมาโดยแท็กซี่คนหนึ่ง ถามคนขับว่า จ้าว หย่งเหลียง เป็นคนเช่นไร คนขับแท็กซี่ตอบว่า เขาเป็นคนที่อยู่ที่ไหน ที่นั่นล้วนสว่างไสวไปทั่ว (ชื่อของคุณจ้าว หย่งเลี่ยงนั้นมีความหมายว่า สว่างไสวตลอดกาล) และเกษตรกรที่ได้รู้ข้อเท็จจริง ต่างก็ชวนกันอพยพมาอยู่ที่เมืองเกษตร เฟิงสุ่ยเหลียง กันอย่างต่อเนื่อง
สิ่งหนึ่งที่จ้าว หย่งเหลียงตระหนักได้ดีว่า แม้จะสร้างบ้านพักยกให้ฟรีๆ แต่เขาเหล่านั้นจะดำรงชีพได้อย่างไร หากปราศจากอาชีพการงาน ไม่มีรายได้สำหรับการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน เขาได้ให้คำมั่นว่า ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในเมืองเกษตรแห่งนี้จักสามารถทำเงินได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ถึง 100,000 หยวนต่อปี และแล้ว ...
ในปี 2006 เกษตรกรชุดแรก 30 กว่าคนจากหมู่บ้าน จ้าวเกาชุน(召勾村) ก็ได้อพยพโยกย้ายเข้ามาพักอาศัย และอาชีพอะไรที่คุณจ้าวได้เตรียมการไว้ให้ ? เขาชี้ไปที่บ้านหนึ่งยูนิด ในพื้นที่ 400 ตารางเมตร จัดแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นบ้านพักเพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมชีวิตประจำวัน พื้นที่อีกส่วนนั้นจัดสร้างเป็นโรงเรือนเลี้ยงกระต่ายขน ทาทู่ (獭兔) โดยใช้ใบซาหลิ่วที่ต้องคัดทิ้งไปในกระบวนการผลิตกระดาษ - ไม้อัดความหนาแน่นสูง มาเลี้ยง จากนี้ไปก็จะสามารถขยายธุรกิจอื่นๆได้อย่างต่อเนื่อง สร้างอาชีพอื่นๆติดตามมาอีกมากมาย
จาการลงทุนกว่า 300 ล้านหยวน ปลูกซาหลิ่วในท้องทะเลทราย 200,000 ไร่ เพื่อผลิตกระดาษ และไม้อัดแล้ว ส่วนที่เป็นกิ่งอ่อน ใบอ่อนนั้นสามารถนำมาเป็นอาหารเลี้ยงกระต่ายได้อย่างดี กระต่ายที่เลี้ยงโตได้ที่แล้ว นำไปชำแหละเอาหนังไปทำเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋าถือ ส่วนเนื้อนั้นก็แช่แข็งส่งไปขายทั่วประเทศ (คนจีนนิยมกินเนื้อกระต่าย ไม่เหมือนคนไทยที่ไม่นิยมกินกันด้วยสาเหตุทางวัฒนธรรมที่เห็นเป็นสัตว์เลี้ยง)
จ้าว หย่งเลี่ยง เป็นผู้ที่มีสายตาแหลมคม มองการณ์ไกล ด้วยเห็นว่าทะเลทรายนั้นที่สถานที่ที่เหมาะต่อการเลี้ยงกระต่ายเพื่อเอาขนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยบรรยากาศมีความชื้นต่ำ เชื้อโรคก็น้อย และกระต่ายนั้นยังก่อให้เกิดสายโซ่ธุรกิจติดตามมาอีกหลายอย่าง นอกจากขนกระต่ายแล้ว ยังได้เนื้อกระต่าย ลูกอัณฑะ (ทำยา) เลือด เครื่องใน และอุจจาระ (ทำปุ๋ย) ใช้ประโยชน์ได้หมดโดยเศษเนื้อเศษกระดูกกระต่ายนำไปเลี้ยงตัวมิงค์ เศษที่เหลือจากนั้นนำไปเลี้ยงแร๊คคูน ที่เหลือจากแร็คคูนนำไปเลี้ยงจิ้งจอก และหมาป่า และสุดท้ายหมาป่านั้นก็คือตัวยาจีนอย่างหนึ่งจากผลผลิตทั้งหมดที่กล่าวมา ทำให้เกิดอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร โรงงานผลิตเสื้อผ้าจากขน-หนังกระต่าย ขนมิงค์ ขนแร๊คคูน ขนหมาจิ้งจอก หมาป่า ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดส่งออกไปจำหน่ายยังแถบยุโรป ฮ่องกง อเมริกาและรัสเซีย
เมื่อเมืองเกษตรแห่ง เฟิงสุ่ยเหลียง ขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี เขาได้เดินทางไปค่อนครึ่งประเทศ ชักชวนให้นักธุรกิจเข้ามาลงทุนในกิจการต่างๆ ทำให้เกิดธุรกิจอื่นๆติดตามมาไม่ขาดสาย มีการสร้างโรงไฟฟ้า โรงงานผลิตยา การขนส่ง โรงแรม การท่องเที่ยว แม้กระทั่งธนาคารหลายแห่งก็แห่กันมาเปิดให้บริการที่นี่ จนกระทั่งมีการขยายตัวเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบ มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และอื่นๆที่เมืองใหญ่พึงมีความฝันของเขา จ้าว หย่งเลี่ยง บรรลุความเป็นจริงแล้ว ทางการได้กล่าวสรรเสริญถึงความกล้าหาญ อุตสาหะ ในการอุ้มชูช่วยเหลือเหล่าเกษตรกรคนยากจนโดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทน จากการฟื้นฟูท้องทะเลทรายที่แห้งแล้ง ให้กลายเป็นต้นแบบของเมืองในทะเลทรายที่มีชีวิตชีวา นั่นคือเป้าหมายที่ได้วางไว้ จ้าว หย่งเหลียง กล่าวไว้ก่อนจากกัน
|