GMOs ย่อมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Genetically Modified Organisms หมายถึง สิ่งมีชีวิตซึ่งไม่ว่าจะเป็นพืช หรือสัตว์ แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมจากกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม (โดยทั่วไปเรียกว่าตัดต่อยีน) GMOs ที่เรารู้จักมักคุ้นกันนั้นจะเป็นพืชเสียเป็นส่วนใหญ่ที่เรียกว่า พืชจีเอ็มโอ (Transgenic Plant) ซึ่งพืชเหล่านี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในบ้านเรา (ยังไม่ยินยอมให้มีการปลูกกัน) แต่ส่วนที่เป็นผลิตผลหรือผลผลิตนั้นมีจำหน่ายกันเกลื่อนตลาดเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดถั่วเหลือง (หรือน้ำมันถั่วเหลือง) ถั่วลิสง  (หรือน้ำมันที่ผลิตจากถั่วชนิดนี้) ข้าวโพดหรืออื่นๆอีกอีกหลายชนิด สาเหตุที่ประเทศเราไม่ยอมรับพืช GMO นั้นเพราะกลัวจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด เนื่องจากตลาดพืชผลที่เราส่งออกไปจำหน่ายนั้นเป็นประเทศที่ยังคงต่อต้านพืชและสัตว์ตัดต่อพันธุกรรมกันค่อนข้างเข้มงวดและเคร่งครัดมาก

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมจึงต้องอาศัยเทคโนโลยี GMO มาใช้ผลิตพืชผลทางเกษตร เป้าหมายหลักนั้นก็เพื่อ เพิ่มผลผลิต และขจัดปัญหารอบด้านในการเพาะปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตที่สูงสุด และดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น 

ข้าว มีการตัดต่อถ่ายโอนยีนจากข้าวสายพันธุ์หนึ่งที่ให้ผลผลิตสูงกว่าไปยังอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีคุณภาพดีกว่า หรือกลิ่นหอมกว่า หรือตัดต่อถ่ายโอนยีนที่มีความคงทนต่อดินเค็มเพื่อว่าจักสามารถนำไปปลูกยังพื้นที่ๆมีปริมาณของเกลือสูงๆได้ ซึ่งเทคนิคดังกล่าวมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งเห็นว่า มันเป็นการฝืนธรรมชาติ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบในทางเสื่อมเสียเกิดขึ้นต่อธรรมชาติ ทำให้ระบบนิเวศน์แปรปรวนไปจากเดิม เกิดความผันผวนของห่วงโซ่อาหารในธรรมชาติ จนกระทั่งวิตกกังวลว่าหากผู้คนบริโภคเข้าไปแล้วจะเกิดผลกระทบที่อาจคาดคิดไม่ถึงได้ เพราะกว่าจะรู้ผลเสียหายที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนาน อีกทั้งกระบวนการนั้นก็ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการเสาะหายีนเป้าหมาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงเอาการอยู่ ผิดกับเทคนิค GPIT ที่เป็นวิธีง่ายๆ จากการใช้สารสมุนไพรจากธรรมชาติ แช่เมล็ดพันธุ์ (ท่อนพันธุ์ เหง้า หัว หรือส่วนที่ใช้ขยายพันธุ์) ฉีกพ่นทางใบ หรือราดรดให้ทางราก ก็สามารถบรรลุผลหลายๆด้านดังนี้

รวงข้าวสาลีที่เห็นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่รวงแตกแขนงให้เห็น 2 แฉก
แฉกที่แตกออกนั้นติดเมล็ดถึง 20 เมล็ด และมีบางรวงแตกแขนงถึง
3 แฉกก็มี นั่นคือผลผลิตที่เพิ่มขึ้น

รวงข้าวสาลีที่แตกแขนงตั้งแต่ 2 แฉก ถึง 3 แฉกจากการใช้ นาซี 778 แค่ 2 ครั้ง

เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างข้าวสาลีที่ปลูกในอำเภอซินเฟิง (新丰县)
มณฑลซานซี (山西) แปลงขวามือที่ใช้เมล็ดพันธุ์เพียง 5 ชั่ง ร่วมกับ นาซี 778 ในการเพาะปลูก
กับแปลงซ้ายมือที่ไม่ได้ใช้ นาซี 778 ใช้เมล็ดพันธุ์ถึง 50 ชั่ง แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยวเลยเนื่องจากโรคระบาด
ส่วนแปลงขวามือยังยืนหยัดทนโรคโดยไม่เกิดความเสียหายใดๆ
นี่คือความอัศจรรย์ของสมุนไพร นาซี 778 

 1.   ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยของต้นพืช ทำให้การใช้ปุ๋ยลดลง แต่ผลผลิตกลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ

2.    นาซี 778 ช่วยให้พืชที่ปลูกในเขตุหนาวเย็นผลผลิตเพิ่มมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

3.    นาซี 778 ทำให้พืชผลออกนอกฤดูได้ สุกแก่เก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น ประหยัดไม่ต้องใช้พลาสติกคลุมดิน

4.    นาซี 778 ขจัดปัญหาผลผลิตต่ำในพื้นที่เพาะปลูกที่มีสภาพ ดินเค็ม – ดินด่างได้เป็นอย่างดี

5.    นาซี 778 แก้ปัญหาผลไม้ที่มีขนาดไม่สม่ำเสมอได้อย่างสบายๆ

6.    นาซี 778 ทำให้พืชพรรณที่ปลูกปรับตัวเข้าได้กับอุณหภูมิรอบข้าง

8.    ลดการใช้ยาป้องกันกำจัดแมลง – โรคพืชที่มีพิษเป็นภัยได้ปริมาณมาก

 เมื่อพิจารณาดูแล้ว เทคนิค GPIT จากสารสมุนไพร นาซี 778 เพียงอย่างเดียวก็สามารถบรรลุถึงความต้องการเกือบรอบด้านแล้ว แล้วเหตุใดจึงต้องพึ่งพาเทคนิค ตัดต่อถ่ายโอนยีนให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายไปทำไม (รวมทั้งความวิตกกังวลใจอีกด้วย)