ฉันชื่อ สุตตา สามีชื่อ สมพงษ์ หงษ์ศาคร ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 31/2 หมู่ 7 ตำบล ช่องด่าน อำเภอ บ่อพลอย จังหวัด กาญจนบุรี 71160 อาชีพเกษตรกร เพาะปลูกพืชไร่ พืชผักล้มลุกมานานปี พืชไร่ที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็น มันสำปะหลังและอ้อย ส่วนจำพวกพืชผักนั้นก็เลือกปลูกหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล เป็นการหารายได้เสริมในช่วงที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวพืชประธานที่ต้องใช้เวลาปลูกนานร่วมปีจึงจะมีรายได้ก้อนใหญ่จากการเก็บเกี่ยวผลผลิต

อาชีพเพาะปลูกพืชนั้น เป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความอดทน และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา พูดได้ว่าการจัดการดูแลพืชที่ปลูกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องอิงอยู่กับสภาพของดินฟ้าอากาศ มีปัญหาสารพัดอย่างที่ต้องใส่ใจแก้ไขให้ทันการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของโรคและและแมลงที่เข้ากัดกินทำลายพืชผลที่ปลูก ต้องใช้สารเคมีเกษตรฉีดพ่นป้องกัน – กำจัด หลายครั้งหลายหน มิฉะนั้นแล้วอาจจะไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเลยก็เป็นได้ อนึ่งการใช้สารเคมีหลายครั้งหลายหนนั้นทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วยที่ต้องสัมผัสสูดดมเอาละอองสารเคมีเหล่านี้เข้าไป ใจจริงแล้วก็ไม่อยากจะใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายเหล่านี้ แต่ก็เป็นเรื่องจนใจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หาไม่แล้วก็จะเสี่ยงต่อความล้มเหลวหมดเนื้อหมดตัวได้เหมือนกัน จนกระทั่งได้มาทดลองใช้สารสมุนไพรที่น่าประหลาดใจเป็นครั้งแรก จากการนำมาให้ทดลองใช้ของ หจก.ยะลาทักษิณาวัฒน์ ที่ญาติผู้หนึ่งแนะนำมาให้รู้จัก ปรากฏว่าผลที่ได้นั้นน่าทึ่งน่าประหลาดใจยิ่งนัก ยากที่จะเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ถ้าไม่ได้ใช้ด้วยมือตนเอง เนื่องจากสามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงกว่าปกติมาก สารป้องกัน – กำจัดโรค – แมลง แทบไม่ได้ใช้เลย แต่คุณภาพที่ได้นั้นกลับดีกว่าชนิดที่เรียกว่าเทียบกันไม่ได้เลยเชียว

ผลิตภัณฑ์สารสมุนไพรที่ทางห้างฯ ได้นำมาให้ใช้นี้มีชื่อว่า นาซี 778 ซึ่งคุณสุวิทย์ เหลืองลักษณ์ ได้แนะนำให้นำมาแช่ หัวหอมที่จะลงมือปลูก 1 ครั้ง และฉีดพ่นให้ทางใบอีก 1 – 2 ครั้ง อีกทั้งยังสำทับว่าไม่จำเป็นต้องใช้แร่ธาตุ – อาหารเสริม อย่างไคโตซาน หรือฮอร์โมนแต่อย่างใดก็จะทำให้หอมแบ่งแตกกอใหญ่ เติบโตเร็ว ใบเขียวนวลสีสวย ได้น้ำหนัก ผลผลิตเพิ่มมากกว่าปกติเกือบเท่าตัว ต้นหอมมีภูมิต้านทานต่อโรคและแมลง จนเกือบไม่ต้องพึ่งพายาเคมีเกษตรเลย ซึ่งฟังดูแล้วไม่อยากจะเชื่อ กลัวว่าจะเกิดความเสียหายถ้าไม่ได้ใช้ยาเคมีเลย แต่ก็ทำใจลองดูสักครั้งจะเป็นไรไป ถ้าได้ผลจริงก็เป็นประโยชน์เกิดผลดีกับเรา และจะได้ซื้อหามาใช้ต่อๆไป แต่ถ้าไม่ได้ผลก็ถือว่ายอมเสี่ยงเพียงครั้งเดียว เลิกเชื่อถือต่อกัน

เมื่อได้เวลาปลูกหอมก็ทำตามคำแนะนำที่บอกมาทุกประการ แร่ธาตุ ฮอร์โมน ไคโตซานยี่ห้อดังก็งดไม่ได้ใช้ คงให้แต่ปุ๋ยและน้ำเท่านั้น หวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าหอมที่ปลูกจะเป็นโรค ถูกแมลงจะเข้าทำลายกัดกิน แต่ช่างเหลือเชื่อ หอมที่ปลูกไว้เจริญเติบโตเป็นไปตามคำบอกกล่าวทุกอย่าง ต้นหอมเติบโตสวยงาม ผิดกับหอมที่เพื่อนบ้านเรือนเคียงลงมือปลูกพร้อมกัน ซึ่งอัดทั้งปุ๋ย ยา ฮอร์โมนเพียบ แต่เมื่อถึงเวลาถอนขาย พ่อค้าที่มาดูบอกปฏิเสธไม่รับซื้อหอมจากแปลงของเพื่อนบ้าน เนื่องจากช่วงนี้หอมกินใบออกสู่ตลาดมาก ราคาก็แสนถูก พ่อค้าจึงเลือกซื้อแต่หอมที่สวยงามเท่านั้น ครั้งนี้ถ้าจะบอกว่า นาซี 778 มาช่วยก็คงไม่ผิดไปจากความจริง

ไม่เพียงแต่หอมแบ่งเท่านั้นที่ปรากฏผลดีอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมีแปลงที่ปลูกพร้อมกันแต่ไม่ได้ใช้ นาซี 778 เป็นตัวเปรียบเทียบ ทั้งนี้มีรูปมาให้ดูความแตกต่างเป็นการยืนยันอีกด้วย แม้แต่กล้วยหอมที่ปลูกไว้ 2 กอ ก็ให้ผลที่แตกต่างกันชัดเจน จากการนำเอาน้ำยาที่เหลือจากการแช่หอมพันธุ์ไปราดรดให้กับต้นกล้วยกอที่ทรุดโทรมกว่า ปรากฏว่ากล้วยกอนี้กลับเติบโตสวยงามกว่า ให้ผลที่สมบูรณ์ สวยงามกว่าทั้งขนาดและสีผิว ซึ่งเป็นไปตามคำบอกเล่าของคุณสุวิทย์ทุกประการ ทั้งนี้ให้พินิจพิจารณาดูจากภาพที่ถ่ายใกล้ๆเพื่อเปรียบเทียบกัน บอกได้คำเดียวว่า เหลือเชื่อจริงๆ เจ้า นาซี 778 นี่

หมายเหตุ : รูปภาพทั้งหมดที่นำมาเสนอเปรียบเทียบนี้ ไม่ได้ทำการตกแต่ง แก้ไข แต่งเติมแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นภาพถ่ายต้นฉบับจริงแท้แน่นอน ท่านที่ต้องการข้อมูล รายละเอียดมากกว่านี้ สอบถาม คุณสุตตา ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 085-677-0687 และ คุณสมพงษ์ ที่หมายเลข 089-815-9227

ภาพบน 4 ภาพ  เป็นหอมกินใบระหว่างที่ปลูกโดยใช้ นาซี 778 กับที่ไม่ได้ใช้ ความแตกต่างที่แยกแยะเห็นได้ง่ายๆก็คือ ความเขียวเข้มของหลอดใบ การแตกกอที่มากกว่า คอใบที่โคนอวบหนากว่า และยังไม่มีการลงหัว (หน่อง) เนื่องจากยังสามารถสร้างอาหารเพื่อสร้างการเจริญเติบโตได้ต่อเนื่องไปได้อีก ส่วนต้นหอมที่ไม่ได้ใช้ นาซี 778 นั้น ศักยภาพ ขีดความสามารถนั้นด้อยกว่ากันมาก การหาอาหารมาป้อนไม่เพียงพอ จึงต้องรีบเปลี่ยนอาหารในการสร้างการเจริญเติบโตมาเป็นอาหารที่สร้างผลผลิต จึงเกิดปรากฏการณ์ หอมลงหัว ก่อนเวลาอันควร จึงทำให้มีขนาดของกอ หลอดใบ สีใบ ความสูง ความอวบน้อยกว่ากันมาก ลักษณะเช่นนี้ก็คืออาการ แกร็น นั่นเอง

แปลงต้นหอมที่ปลูกนั้น มีการให้ นาซี 778 แค่ 3 ครั้ง เท่านั้น (แช่หัวก่อนปลูก 1 ครั้ง และฉีดพ่นให้ทางใบอีก 2 ครั้ง) ไม่ได้ให้แร่ธาตุ ฮอร์โมน อาหารเสริม ไคโตซาน รวมทั้งยาป้องกันกำจัดโรครา หรือยาฆ่าแมลงใดๆทั้งสิ้น แต่กลับให้ผลดีที่ชวนให้ฉงนใจยิ่งนัก เมื่อพิเคราะห์แล้ว สามารถลดต้นทุน ประหยัดทั้งแรงงานและเวลาได้จำนวนมากทีเดียว

ส่วนผลที่ปรากฏในกล้วยหอมนั้น ก็ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด หากแต่ได้นำเอาน้ำยา นาซี 778 เจือจางที่เหลือจากการแช่หัวหอมไปราดรดให้กับกอกล้วยที่โทรมกว่าอีกกอหนึ่ง (ภาพซ้ายมือ) เมื่อเวลาล่วงผ่านไประยะหนึ่ง กล้วยกอนี้กลับเติบโตดีกว่า ให้สังเกตหน่อที่แตกใหม่จะมีลำต้นเตี้ยลง ใบเขียว มีขนาดใหญ่ขึ้น และทนทานต่อลมพัดตี (ไม่ฉีกขาดง่าย) ซึ่งน่าจะเป็นผลดีสำหรับผู้ที่ปลูกกล้วยเพื่อตัดใบขาย 

เมื่อกล้วยออกปลี ตกเครือเป็นผล ความแตกต่างก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ให้สังเกตถึงความสม่ำเสมอของต้นที่ได้รับสาร นาซี 778 (ภาพซ้ายมือ) หวีกล้วยเป็นรูปทรงกระบอก ผลกล้วยมีขนาดเท่ากันตั้งแต่หวีแรกนันหวีสุดท้ายของเครือ ผิดกับต้นที่ไม่ได้รับสาร (ภาพขวามือ) ที่มีลักษณะรูปทรงเป็น 3 เหลี่ยม ผลมีขนาดใหญ่ที่หวีต้นๆ และมีขนาดเล็กหวีท้ายๆ (จำนวนผลก็ลดน้อยลงด้วย)

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ คุณภาพของผลผลิต จะเห็นได้ว่าผิวของผลกล้วยที่ได้รับสาร นาซี 778 นั้นออกสีนวล ปราศจากริ้วรอยการเจาะดูดของแมลง หรือแต้มด่างดำของโรครา ทั้งๆที่กล้วยทั้ง 2 กอนี้ ปลูกอยู่ห่างกันไม่มากนัก เหตุใดแมลงจึงไม่กล้ำกรายเข้าใกล้ ? นี่คือข้อได้เปรียบของการใช้ นาซี 778 ที่หาไม่ได้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ นั่นก็คือ ให้ผลผลิตสูงสุดด้วยคุณภาพที่ดีที่เลิศ จากต้นทุนการผลิตที่ต่ำที่สุด เพราะเป็นการนำเอาพลังงานแสงแดดมาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง

ถือได้ว่า นาซี 778 สามารถลดความเสี่ยงในหลายๆด้าน ทั้งด้านการผลิต และการตลาด จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ควรให้ความสำคัญเป็นที่สุด