ถ้าคุณได้อ่านผ่านสายตาสาระเรื่อง การทำนาของคุณ สุไลมาน อาดำ ในหัวข้อเรื่อง “ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ให้ไปดูให้เห็นกับตา ... แต่อย่าได้ชักช้า”
ที่ได้นำเสนอมาให้ได้อ่านกันแล้วนั้น หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลผลิตข้าวไปแล้ว คุณสุไลมานก็เริ่มไถคราดหว่านข้าวทำนารุ่นถัดไปทันที (ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองของชาวนา เพราะขายข้าวโดยการจำนำข้าวให้กับรัฐบาลได้ราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้ใดมีที่นาต่างขยันขันแข็งรีบเร่งปลูกข้าวกันโดยไม่ปล่อยให้นาเว้นว่าง ข้าวที่ปลูกก็เลือกเอาสายพันธุ์วันเก็บเกี่ยวสั้นที่สุดมาปลูก ข้าวยังมิทันสุกแก่เต็มที่ก็เกี่ยวส่งโรงสีในสภาพความชื้นยังสูงอยู่เลย อะไรจะปานนั้นกันหนอ แต่ก็ว่ากันไม่ได้ดอก โบราณท่านว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่ระวังอย่าตักจนแห้งขอดไปเสียล่ะ เดี๋ยวตอก็ผุดจนเดินเรือไม่ได้นะ จะบอกให้) เป็นที่เสียดายว่า ทางเว็บไซท์เราไม่ได้ติดตามผลงานช่วงนี้ของคุณสุไลมาน แต่ทราบมาจากผู้จัดการสหกรณ์องครักษ์ (คุณวรรณนา ศิริประภาษมงคล) ว่า เมื่อเริ่มทำนารุ่นใหม่ทุกครั้ง หรือแม้ครั้งล่าสุดนี้ก็ตาม สมาชิกฯ ที่ทำนาเกือบทุกรายต้องมาขอกู้เงินสหกรณ์ ฯ เพื่อนำไปซื้อปัจจัยในการผลิต (เมล็ดพันธุ์ข้าว ปุ๋ย ยา และฯลฯ) ยกเว้นคุณสุไลมาน คนเดียวเท่านั้น ที่ไม่ได้กู้เงินสหกรณ์ แต่กลับนำเงินมาฝากสหกรณ์ฯ ถึง 200,000.— บาท (สองแสนบาทถ้วน) อันเป็นเงินที่ได้กำไรจากการขายข้าวที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว คุณสุไลมานกล่าวว่า การที่ขายข้าวแล้วได้กำไรตามตัวเลขที่นำมาฝากนี้ เป็นผลอันเนื่องมาจากการลดต้นทุนปัจจัยการผลิตลงได้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา และสารเสริมอื่นๆ โดยการใช้ สารชักนำพันธุกรรม นาซี 778 มาใช้กับข้าวที่ปลูก ไม่เพียงแต่ลดต้นทุนได้เท่านั้น แต่ผลผลิตกลับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ข้าวได้น้ำหนัก เมล็ดข้าวลีบแทบไม่มีให้เห็น ต้นทุนที่ลดลงได้นั่นแหละคือผลกำไรที่เป็นของเรา แทนที่จะตกไปอยู่กับบริษัท ร้านค้าที่จำหน่ายปุ๋ย ยา - เคมีภัณฑ์ แล้วทำไมชาวนาเราจึงไม่หันมาใช้ นาซี 778 กันล่ะ คุณสุไลมานกล่าวทิ้งท้ายให้คิด
และมาถึงนาข้าวรุ่นนี้ รุ่นที่จะเริ่มทำการเก็บเกี่ยวอีกไม่กี่วันข้างหน้า (24 – 25 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้) ทางเว็บไซท์ได้ติดตามผลงานรอบนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณสุไลมานแจงว่า ข้าวรุ่นนี้ ไม่ได้ นาซี 778 แช่เมล็ดก่อนปลูก เพราะขาดแรงงานผู้ช่วย (ลูกชายติดงาน ไม่ว่างมาช่วย) จึงหันมาใช้วิธีฉีดพ่นให้ทางใบแทนเมื่อต้นข้าวงอกมีความสูงได้ 7 – 8 เซนติเมตร แต่ก็ให้ผลดีไม่แพ้การแช่เมล็ดก่อนทำการหว่านเช่นเดียวกัน ซึ่งจากการแวะเวียนเข้ามาดูเป็นระยะๆ ของเรา บอกได้เลยว่า นาข้าวของคุณสุไลมานก็ยังคงงามเป็นหนึ่งในละแวกนี้ ที่เราหาญกล้ากล่าวเช่นนี้ หาใช่เป็นการกล่าวพล่อยๆ ลอยๆ หวังผลโฆษณาเพื่อขายผลิตภัณฑ์ นาซี 778 ไม่ แต่มีผู้ยืนยันให้กับเราโดยมิได้คาดคิด และผู้ที่ยืนยันว่า นาข้าวของคุณสุไลมานงามเป็นหนึ่งนั้น หาใช่คนไทยเราไม่ แต่เป็นชาวญี่ปุ่น 5-6 ท่าน ที่บังเอิญขับรถผ่านมายังเส้นทางสายนี้ (องครักษ์ – คลอง 16 และถ้าท่านขับรถผ่านเข้ามาเส้นทางเส้นนี้ ก็จะพบว่า สองฟากถนนสายนี้ล้วนเป็นนาข้าวสุดลูกหูตาตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง) และเบรกรถจอดฉับพลันทันทีที่วิ่งรถมาถึงแปลงนาของคุณสุไลมาน เนื่องจากเห็นแปลงนาที่เขียวชอุ่มราบเรียบสม่ำเสมอดุจพรม รวงข้าวที่ตั้งท้องโค้งห้อยเป็นระย้าด้วยน้ำหนักรวง โยกไหวไกวพริ้วเมื่อยามต้องลมโบกโชย ทั้งหมดได้ลงจากรถมายืนเพ่งพิศนาข้าวเป็นนานสองนาน และเดินดิ่งตรงลงไปยังแปลงนาเมื่อเห็นคุณสุไลมานเดินดุ่มมาจากปลายนา และถามไถ่ว่า เป็นเจ้าของแปลงนานี้หรือ ? มีวิธีการอย่างไรในการปลูกข้าวได้สมบูรณ์สวยงามเช่นนี้ คุณสุไลมานได้เชื้อเชิญให้แขกชาวญี่ปุ่นเดิมข้ามถนนไปยังอีกฟากหนึ่งที่เป็นบ้านพักไม่ห่างไกลนัก คุณสุไลมานได้พูดคุยให้ข้อมูล พร้อมกับนำเอาขวดเปล่าของผลิตภัณฑ์ นาซี 778 มาให้ดู ทำเอาแขกต่างชาติกรุ๊ปนี้ทึ่งไปตามๆกันที่คุณสุไลมานบอกว่า ใช้ฉีดพ่นนาข้าว (35 ไร่) แค่ 2 ครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังลดปุ๋ยลงเหลือแค่ 5 กระสอบจากที่เคยใช้อยู่ 70 กระสอบ แต่ต้นข้าวสวยงามกว่ากันเป็นพะเรอเกวียน ! (ผมถามคุณสุไลมานว่า ชาวญี่ปุ่นพูดไทยได้หรือ ? คุณสุไลมานบอกว่า พูดไทยไม่ได้ แต่ใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกัน เพราะคุณสุไลมานเคยไปทำงานที่ประเทศซาอุอยู่หลายปี พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง)
ดังนั้น ที่บอกกล่าวว่า นาข้าวคุณสุไลมานยังคง งามเป็นหนึ่งในละแวกนี้ จึงมิใช่เป็นการกล่าวเกินจริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเครื่องยืนยันสนับสนุนได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างแท้จริง หาไม่แล้ว ชาวญี่ปุ่นที่ขับรถมาตลอดเส้นทางสายนี้ ทำไมจึงไม่หยุดรถดูข้าวแปลงอื่นๆที่มีเรียงรายตลอดสองข้างทางเล่า ? ถ้าแปลงนาข้าวคุณสุไลมานไม่โดดเด่นสะดุดตาผิดไปจากแปลงนาของคนอื่นๆ จริง หรือ เท็จ สอบถามจากคุณ สุไลมาน อาดำ ได้ครับ ที่ 089 002 4419 (คุณสุไลมานคงไม่กุสร้างเรื่องอย่างแน่นอน เพราะทำไปแล้วไม่รู้จะได้อะไรขึ้นมา แต่ต้องการให้เพื่อนเกษตรกรที่ทำนาได้รับรู้ข้อมูลใหม่ๆในการลดต้นทุนการผลิต ได้ข้าวเปลือกเพิ่มยิ่งๆขึ้น ได้กำไรเพิ่มมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง แค่นี้ก็พอใจแล้ว คุณสุไลมานกล่าว)
|