ประสิทธิภาพของกระบวนการแสงสังเคราะห์ = คุณภาพ + ความต้านทาน + ผลผลิต
นักวิชาการเกษตรต่างเข้าใจได้ดีว่า พืชที่มีความสัมพันธ์สนิทแน่นต่อชีวิตประจำวันของคนเราก็คือ
พืช C3 (สร้าง 3-phosphoglycerate, PGA) และ พืช C 4 (สร้าง 4 carbon double carboxylic acid)
พืช C3 นั้น (เช่นข้าว และ ข้าวสาลี) มีสารสีเขียวแต่ภายในเซลล์ใบเท่านั้น รับเอาพลังงานแสงมาปรุงอาหารได้น้อยกว่า จึงให้ผลผลิตได้ไม่สูง ต่างจากพืช C 4 (เช่นช้าวโพด และ ข้าวฟ่าง) ที่มีสารสีเขียวทั้งในเซลล์ของตัวใบและในท่อ Vascular bundle จึงสามารถดูดซับพลังงานแสงแดดมาปรุงอาหารได้มากกว่า ผลผลิตจึงสูงกว่า แต่ก็ต้องการอุณหภูมิที่สูงกว่า ดังนั้นในบางพื้นที่จึงประสบกับปัญหาของ Photo oxidation และ light rhythm อันเป็นอุปสรรค์ขวางกั้นขบวนการทางชีวเคมีของพืชเหล่านี้ได้
การทำให้ให้พืช C3 มีอัตราเร่งของกระบวนการ แสงสังเคราะห์มากขึ้น หรือการทำให้พืช C 4 มีประสิทธิภาพการดูดซับแสงแดดได้มากขึ้น ย่อมทำให้พืชทั้งสองประเภทนี้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นได้โดยไม่ต้องสงสัย การวิจัยศึกษาเพื่อหาทางเพิ่มผลผลิตโดยแนวทางนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ และเป็นปัญหาที่นักวิชาการยังขบไม่แตกแก้ไม่ตกกันตลอดเรื่อยมา
การค้นพบเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ ของศาสตราจารย์ น่า จงหยวน ครั้งนี้ เป็นการทะลายกำแพงอุปสรรค์ดังกล่าวได้สำเร็จ โดยสามารถเพิ่มอัตราเร็วของกระบวนการแสงสังเคราะห์ได้ตั้งแต่ 50 จนกระทั่ง 407 % นับเป็นคุโณปการที่ยิ่งใหญ่ต่อวงการเพาะปลูกทั่วโลก ถือเป็นการค้นพบที่แหลมคมชิ้นหนึ่งของยุคเลยทีเดียว
|